Wednesday, December 8, 2010

เซ็นทรัลรีเทล จับมือพันธมิตร “กลุ่มเมืองไทย”


เซ็นทรัลรีเทล จับมือพันธมิตร “กลุ่มเมืองไทย” ทั้งเมืองไทยประกันชีวิต
และเมืองไทยประกันภัย ภายใต้ชื่อโครงการ “Central Smart Insure” ความสุขที่รับประกันได้
โดยได้รับเกียรติจาก นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด
และนางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อตอบ
ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกกลุ่ม ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

------------------------

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ให้เกียรติมอบของที่ระลึกแก่ คุณชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจลูกค้าบุคคลและเครือข่ายบริการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เนื่องในงานเลี้ยงขอบคุณผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของธนาคาร ครั้งที่ 4 ณ.ทรายแก้วบีช รีสอร์ท เกาะเสม็ด จ.ระยอง เมื่อเร็วๆ นี้

-------------------------

Monday, November 29, 2010

กระเป๋าช้างตาโต ภาพฝีพระหัตถ์ ฯ

พลาดไม่ได้!
กระเป๋าช้างตาโต ภาพฝีพระหัตถ์พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมพระนาม "สิรินธร" เชิญชวนคนไทยลดโลกร้อน ออกตัวไปได้สวย ยอดจำหน่ายทะลุเป้า เหลืออีกไม่มาก มีจำนวนจำกัดเพียง 50,000 ใบเท่านั้น ราคาใบละ 99 บาท เหมาะสำหรับเป็นของขวัญของฝากในช่วงเทศกาลปีใหม่ มีจำหน่ายที่เทสโก้ โลตัส ไฮเปอร์มาเก็ตและคุ้มค่าทุกสาขาพร้อมกันทั่วประเทศ โดยลูกค้าเทสโก้ โลตัสจะได้สิทธิพิเศษคือ

· รับแต้มพิเศษ 500 กรีนพอยท์ ต่อ 1 ถุง ทันที
· และได้รับแต้ม 10 กรีนพอยท์ต่อถุงเมื่อนำกลับมาใช้ใหม่
· นอกจากนี้ เทสโก้ โลตัส ยังร่วมบริจาคเงิน 10 บาท จากรายได้การขายกระเป๋า “ช้างตาโต” ทุกๆ 1 ใบ เพื่อมอบให้กับ “กองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร (กพด.)” โครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี





สื่อมวลชนสัมพันธ์เทสโก้ โลตัส
------------------------------

Friday, November 19, 2010

ธอส.ลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

“วรวิทย์” กรรมการผู้จัดการ ธอส.
ร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ณ ศาลาศิริราช 100 ปีโรงพยาบาลศิริราช

วันนี้ (18 พ.ย.2553) นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พร้อมด้วยผู้บริหาร และพนักงานธนาคาร ร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง เพื่อสถิตเป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรชาวไทยตราบเท่านาน พร้อมกันนี้ได้ทูลเกล้าฯ ถวาย พานพุ่มดอกไม้ พร้อมกันหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ ตึกศาลา ศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช ทั้งนี้เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ จึงได้นำทีมคณะผู้บริหาร และพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ มาถวายพระพรเพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีต่อพสกนิกร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ว่าพระองค์ได้เสียสละเพื่อปวงชนชาวไทยมาโดยตลอด








ฝ่ายสื่อสารองค์กร
------------------


กสิกรไทย มอบเงิน 5 ล้านบาท ช่วยด้านการศึกษา

กสิกรไทย มอบเงิน 5 ล้านบาท ช่วยด้านการศึกษา พร้อมข้าว 30,000 ถุง

กสิกรไทย ช่วยเหลือโรงเรียนที่ประสบอุทกภัย มอบเงิน 5 ล้านบาท ร่วมกับสพฐ. ฟื้นฟูโรงเรียน 100 แห่งเพื่อเป็นกำลังใจแก่เด็ก และมอบข้าวสาร 30,000 ถุงแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย และโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนในเขตน้ำท่วม

นายประสพสุข ดำรงชิตานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่หลายภูมิภาคของประเทศไทยประสบปัญหาอุทกภัย ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม–พฤศจิกายนที่ผ่านมา จนส่งผลให้มีโรงเรียนจำนวนมากได้รับความเสียหาย ทั้งตัวอาคาร หนังสือ อุปกรณ์การศึกษา จนหลายแห่งไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ ดังนั้นธนาคารกสิกรไทย จึงร่วมกับสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เข้าช่วยเหลือฟื้นฟูโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จำนวน 100 โรงเรียน แบ่งเป็นโรงเรียนในเขตภาคกลาง 30 โรงเรียน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 30 โรงเรียน และภาคใต้จำนวน 40 โรงเรียน โดยจะมอบเงินช่วยเหลือโรงเรียนละ 50,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 5,000,000 บาท เพื่อนำไปซื้อ ซ่อมแซมอุปกรณ์การศึกษาเพื่อให้สามารถเปิดการสอนได้ตามปกติ
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้จัดทำข้าวสาร เค เอ็กเซลเลนซ์ (K Excellence) จำนวน 30,000 ถุง ถุงละ 1 กิโลกรัม เพื่อมอบให้กับประชาชนทั่วไปและโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัด 7 จังหวัด ประกอบด้วย อยุธยา นครสวรรค์ ลพบุรี นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา
นายประสพสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกสิกรไทยหวังว่าการช่วยเหลือจะช่วยฟื้นฟูสภาพการเรียนการสอนของโรงเรียน ให้โรงเรียนสามารถดำเนินการเรียนการสอนได้ตามปกติ และจะทำให้ความช่วยเหลือไปถึงประชาชนได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ เพราะตอนนี้ยังมีประชาชนในอีกหลายพื้นที่ที่ประสบปัญหาและได้รับความเดือดร้อนอยู่

-----------


กสิกรไทย มอบเงิน 5 ล้านบาท ช่วยฟื้นฟูโรงเรียนน้ำท่วม

นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รับมอบเงินสนับสนุนจำนวน 5 ล้านบาท จากนายประสพสุข ดำรงชิตานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เพื่อใช้ฟื้นฟูโรงเรียนในสังกัดสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 100 โรงเรียน ที่ได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วม ณ โรงเรียนชุมชนบ้านประโดก-โคกไผ่ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อเร็ว ๆ นี้


--------------------------

Thursday, November 18, 2010

แต่งตั้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์


คณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้แต่งตั้ง
กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2553 เห็นชอบให้แต่งตั้ง นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2553
การศึกษา
- ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (M.B.A) สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ Schiller International University, London,England
- ปริญญาตรี บริหารธุรกิจบัณฑิต (B.B.A) สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
- หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ด้านการค้าและการพาณิชย์ รุ่นที่ 3 สถาบันวิทยาการการค้า
- หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) รุ่นที่ 8
- หลักสูตร Director Certification Program : Class 100/2008 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- Certificate of Thailand Government Savings Bank – Management Leadership Program Marshall School of
Business, University of Southern California
ประสบการณ์การทำงาน
- กรรมการและกรรมการบริหาร ธนาคารออมสิน
- รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส และหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (CFO)
- กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด
- กรรมการบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด
- กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
- กรรมการบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)

ฝ่ายสื่อสารองค์กร
-----------------------

Thursday, November 11, 2010

เชิญชายไทยเข้าอุปสมบทหมู่ 999 รูป

เชิญชายไทยเข้าอุปสมบทหมู่ 999 รูปทั่วไทย ถวายพ่อหลวง ฟรี ทำดีร่วมกับ สนง.ทรัพย์สินฯ, ร่วมด้วยช่วยกัน, ดีแทค และ กทม.

ขอเชิญชายไทย อายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ เข้าร่วมอุปสมบทหมู่ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงมีพระชนมายุครบ 83 พรรษาในปี 2553 นี้
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์,ร่วมด้วยช่วยกัน, กรุงเทพมหานคร และ โครงการทำดีทุกวัน จาก ดีแทค ร่วมกันจัดโครงการอุปสมบทหมู่ 999 รูป ทั่วไทย ถวายพ่อหลวง (อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ครั้งที่ 12)

ผู้ร่วมอุปสมบทหมู่ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด สมัครด่วน ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ ร่วมด้วยช่วยกัน ซอยรามคำแหง 21 (นวศรี) ติดกับ สน.วังทองหลาง

โครงการอุปสมบทหมู่จำนวน 999 รูป จัดขึ้นใน 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, เชียงราย, พิษณุโลก, ชัยนาท, จันทบุรี, ขอนแก่น, นครราชสีมา, อุบลราชธานี, ชุมพร และนครศรีธรรมราช
ในกรุงเทพมหานคร จัดอุปสมบทในวันที่ 26 -27 พฤศจิกายน 2553 ปฏิบัติธรรมที่ สถานปฏิบัติธรรมอรุณเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 9 ธันวาคม 2553 รวม 9 วัน
ผู้มีจิตศรัทธา สามารถร่วมสมทบทุนหรือร่วมเป็นเจ้าภาพตามกำลังศรัทธา ได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยโกลเด้นเพลส (ถนนประดิษฐ์มนูธรรม) ชื่อบัญชี โครงการอุปสมบทหมู่ ประเภทออมทรัพย์ เลขบัญชี 244-2-05893-8

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ ร่วมด้วยช่วยกัน โทร 087-677-7000,
081-430-9842, 02-730-2400 ต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
---------------------

Monday, November 8, 2010

ร่วมด้วยช่วยกัน จับมือพันธมิตร ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ร่วมด้วยช่วยกัน จับมือพันธมิตร ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้
(นายวิทยา แก้วภราดรัย ประธานวิปรัฐบาลมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย DFM ร่วมด้วยช่วยกัน จ..นครศรีธรรมราช)

5 พย. 53 ร่วมด้วยช่วยกัน จับมือกับพันธมิตรเข้มแข็ง จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดภาคใต้ ที่สถานีวิทยุ DFM ร่วมด้วยช่วยกัน อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมเดินหน้าประสานให้ความช่วยเหลือพี่น้องที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม ทั้งในจังหวัดนครศรีธรรมราช และ จังหวัดใกล้เคียง ภายใต้การสนับสนุนของ โครงการทำดีทุกวัน จากดีแทค, บจก.เบญจจินดา โฮลดิ้ง, ข้าวเบญจรงค์, บมจ.ซีพี ออลล์ (เซเว่น อีเลฟเว่น), ธ.กสิกรไทย, SCG เครือซิเมนต์ไทย, ร.15 กองทัพภาค 4 , ไปรษณีย์ไทย นครศรีธรรมราช, โรงแรมทวิน โลตัส, สำนักข่าว T-News และเครือข่ายข่าวสารประชาชน
เมื่อเวลา 07.40 น. ร่วมด้วยช่วยกันให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมและแผนการช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช ในรายการเจาะข่าวเด่นประเด็นดัง ออกอากาศทาง MB Channel ต่อมาเวลา 8.00 น.ร่วมด้วยช่วยกัน ได้ไปออกอากาศสดที่ช่อง 11 นครศรีธรรมราช เรื่องการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่าง ๆ ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม เป็นต้นมา รวมทั้งแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาคใต้ กับ องค์กรพันธมิตร
เวลาประมาณ 10.00 น. นายวิทยา แก้วภราดรัย ประธานวิปรัฐบาล ได้มามอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่
ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ DFM ร่วมด้วยช่วยกัน จ.นครศรีธรรมราช ในวันเดียวกัน ชมรมจักรยาน นครศรีธรรมราช ได้มามอบกระเบื้อง 200 แผ่น โดยมีคุณอภิวัฒน์ รัตนนาคินทร์ กก.ผจก.ร่วมด้วยช่วยกัน และ พันเอก พันเอก จำรัส สังขะวร รองผู้บังคับการกรมทหาราบที่ 15 กองทัพภาค 4 เป็น ผู้รับมอบ
ในวันนี้ ( 5 พย.53) ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดภาคใต้ ที่สถานีวิทยุ DFM ร่วมด้วยช่วยกัน จัดทำถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ชุด ส่งไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ ตำบลอินคีรี อำเภอพรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช รวม 6 หมู่บ้าน และ มอบให้เทศบาลตำบลปริก อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี นำไปมอบให้ประชาชนที่เดือดร้อนก่อนในเบื้องต้น




มอบชุดยังชีพที่ตำบลอินคีรี อำเภอพรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 300 ชุด


มอบชุดยังชีพที่เทศบาลตำบลปริก อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี จำนวน 500 ชุด




-------------------------



Tuesday, November 2, 2010

ธอส. เสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำแบบขั้นบันได



ธอส. เสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำแบบขั้นบันได ประเภท 6 เดือน รับดอกเบี้ยสูงสุด 3.00 % ต่อปี
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำแบบขั้นบันได (Step up) ประเภท 6 เดือนรับอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 3.00% ต่อปี เงื่อนไขฝากขั้นต่ำรายการละ 50,000 บาท รับดอกเบี้ยรายเดือนมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2553

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ประเภท 6 เดือน จากเดิม 1.25% โดยปรับขึ้นในรูปแบบผลิตภัณฑ์ เงินฝากประจำแบบ ขั้นบันไดประเภท 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 - 2 เท่ากับ 1.25% ต่อปี เดือนที่ 3 – 4 รับดอกเบี้ย 1.75% ต่อปี เดือนที่ 5 – 6 รับดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.00% ต่อปี) เงื่อนไขจะต้องฝากขั้นต่ำรายการละ 50,000 บาท ลูกค้าสามารถรับดอกเบี้ยรายเดือนได้ ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 ถึงวันที่30 ธันวาคม 2553

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2645-9000 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นธนาคารของรัฐ ที่มีรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% รับประกันความมั่นคง


ฝ่ายสื่อสารองค์กร
-----------------------------

ร่วมด้วยช่วยกัน – มูลนิธิซิเมนต์ไทย และโครงการทำดีทุกวัน จากดีแทค


ผนึกกำลัง ร่วมด้วยช่วยกัน – มูลนิธิซิเมนต์ไทย และโครงการทำดีทุกวัน จากดีแทค มอบสุขากระดาษ และคอมพิวเตอร์ บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 53 คุณพีระพงษ์ กลิ่นละออ ผู้อำนวยการสำนักงานสำนึกรักบ้านเกิด โครงการทำดีทุกวันจากดีแทค มอบเครื่องคอมพิวเตอร์มือสอง ผ่าน ร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานด้านการสื่อสารของศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ผ่านหมายเลข 1677 ให้สมาชิกสามารถติดต่อสื่อสารในการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ในวันเดียวกัน คุณสุรนุช ธงศิลา กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิซิเมนต์ไทย มอบ สุขากระดาษ พร้อมถุงดำ จำนวน 200 ชุด ให้ร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยต่อไป
ก่อนหน้านี้ ร่วมด้วยช่วยกัน ร่วมกับองค์กรพันธมิตร ได้แก่โครงการทำดีทุกวันจาก ดีแทค, บริษัท เบญจจินดา โฮลดิ้ง จำกัด, ธนาคารกสิกรไทย และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ลงพื้นที่มอบของบริจาคช่วยผู้ประสบภัย ที่ อ.เมือง, อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา, เทศบาลเมือง จ.ชัยภูมิ, อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา และอ.สรรพยา จ.ชัยนาท และได้ อาหาร – น้ำดื่ม พร้อม เครื่องอุปโภค-บริโภค ส่งถึงมือผู้ประสบความเดือดร้อนในพื้นที่
ที่มา : ฝ่าย Event & Agency ร่วมด้วยช่วยกัน
โทร. 0-2730-2400 ต่อ 51022, 081-699-9522 (เอ๋)ผู้ประสงค์บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สามารถบริจาคเงินเข้าบัญชี กองทุนร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อสาธารณประโยชน์ โดย บจ.ไอ.เอ็น.เอ็น.เรดิโอ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย ประเภท ออมทรัพย์ เลขบัญชี 013-2-87000-4.








----------------------

ประกาศผลรางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2553


ประกาศผลรางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2553 แก่ 10 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน
โครงการทำดีทุกวันจากดีแทคร่วมกับมูลนิธิสำนึกรักบ้านเกิด DFM ร่วมด้วยช่วยกัน พร้อมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนางาน CSR สู่ภูมิภาคอาเซียน เปิดเวทีมอบรางวัลเกษตรอินทรีย์ดีเด่นแก่เกษตรกรภูมิปัญญาแห่งภูมิภาค เตรียมเชื่อมโยงโครงข่ายด้านเกษตรผ่านเครือข่ายโทรคมนาคมยุคใหม่ ทั้งเกษตรกรไทยและอาเซียนสู่ตลาดโลก
“รางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด” ประจำปี 2553 นั้น ครั้งนี้นับเป็นการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด รวมรวมภูมิปัญญาและความรู้ด้านการเกษตรตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงและเผยแพร่ให้เกษตรกรอื่นๆ ต่อไป ปีนี้เป็นปีแรก ที่ กระทรวงเกษตร ของประเทศสมาชิกอาเซียน เข้าร่วมประกวดด้วย พิธีมอบรางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 3 พฤศจิกายน 2553 เวลา 10.00-12.00 น. ณ โรงมหรสพศาลาเฉลิมกรุง
ประเทศที่ เกษตรกรอาเซียนได้รับรางวัลในปีนี้ มีทั้งสิ้น 9 ประเทศ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม บรูไน กัมพูชา สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ลาว พม่าและจากประเทศไทย อีก 9 คน“รางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด” เป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการ *1677 ทางด่วนข้อมูลการเกษตรที่เป็นนวัตกรรมด้าน CSR โดยโครงการทำดีทุกวันจากดีแทค ในการนำเทคโนโลยีการสื่อสารมาประยุกต์ใช้เพื่อกระจายความรู้ไปยังเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย ปัจจุบัน มีเกษตรกรเจ้าของรางวัลอยู่ในเครือข่ายแล้ว 123 คน และมีเกษตรกรผู้ใช้บริการ *1677 ทางด่วนข้อมูลการเกษตรอยู่กว่าสองแสนรายทั่วประเทศ.
ข้อมูลเพิ่มเติม
โดยรับทราบผลการคัดเลือกแล้ว 6 ท่าน ดังรายละเอียดผลงานดังนี้
1) นาย Mohd Shahrul Bin Daud เกษตรกรหนุ่ม จากประเทศมาเลเซีย อายุ 27 ปี เขาเริ่มต้นทำฟาร์มปศุสัตว์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยเริ่มจากการเลี้ยงวัวเนื้อเพียง 2 ตัวและได้ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมีทั้งโคเนื้อและโคนมทั้งสิ้นกว่า 160 ตัว ทั้งยังได้ขยายกิจการไปเพาะปลูกพืชไร่และทำเกษตรผสมผสาน อย่างได้ผล ภายในพื้นที่เกือบ 10 เฮคเตอร์ เขาปลูกต้นสัปปะรด 250,000 ต้น พริกแดง 5,000 ต้น เลี้ยงโคเนื้อ 160 ตัว โคนม 20 ตัว บ่อเพาะปลาดุก บ่อดิน 4 บ่อ และบ่อปูน 2 บ่อ รวมทั้งผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ผลิตและจัดจำหน่ายโยเกิร์ต ซึ่งล้วนเป็นเกษตรอินทรีย์ปลอดสารเคมี ต้นทุนต่ำแต่ได้ผลผลิตสูง คุณภาพดี เป็นที่ต้องการของตลาด ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของบริษัท MND Agroternak Farmซึ่งนอกจากดำเนินการในฟาร์มแล้ว เขายังได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมพัฒนาชุมชนในด้านต่างๆ เช่นการทำถนนและสร้างฝายชุมชนอีกด้วย
2) นาย Bonifacio M.Corpuz ชาวนาผู้ปลูกข้าวจากประเทศฟิลิปปินส์ เกษตรกรหัวก้าวหน้าที่มีความขยันขันแข็งในการพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรมาตลอดชีวิต มีผลงานโดดเด่นในการทำนาข้าวแบบครบวงจรบนหลักการเกษตรอินทรีย์ มีการประยุกต์ใช้ผลผลิตที่ได้จากการทำนา มาทำปุ๋ยเพื่อลดต้นทุน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ป้องกันดินเสื่อมสภาพ แต่ยังคงให้ผลผลิตสูง คุณภาพดี นอกจากนี้เขายังได้คิดค้นระบบ “PalayCheck System” เพื่อบริหารจัดการนาข้าวให้ได้ประสิทธิผล สามารถปลูกข้าวได้ตลอดทั้งปี เขายังได้เข้าร่วมกลุ่มฝึกอบรมพัฒนาของทางราชการอยู่อย่างสม่ำเสมอ ทำให้การทำเกษตรของเขาก้าวหน้ามากขึ้นเป็นลำดับ ปัจจุบันนอกจากการทำนาข้าว เขาได้ขยายไปสู่การปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งพืชสวนครัวและไม้ตัดดอก ตลอดจนจัดสรรพื้นที่บางส่วนในการทำปศุสัตว์ เลี้ยงโค เป็ด ไก่ และได้นำเอาเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่มาใช้ในการช่วยเพิ่มผลผลิต ทำให้เมื่อปี 2008 ที่ผ่านมา เขาได้รับอัตราผลตอบแทนจากการทำนาข้าวสูงถึง 307% และจากการปลูกพืชไร่สูงถึง 204%
3) นาย NGUYEN VAN PHUC จากเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม เป็นเกษตรกรเจ้าของฟาร์มสุกรบนพื้นที่ 1650 ตารางเมตร โดยได้เลี้ยงสุกรเพื่อขยายพันธุ์ไว้ 120 ตัว สามารถให้ผลผลิตเป็นลูกสุกรได้มากถึง 1500 ตัวต่อปี นอกจากนี้ยังเลี้ยงสุกรเพื่อผลิตเป็นเนื้อสุกรอีก 600 ตัว ในแต่ละปีสามารถผลิตเนื้อสุกรป้อนตลาดกลางในฮานอยได้มากถึง 150 ตันต่อปี โดยเขานำหลักการทำเกษตรอินทรีย์พึ่งพาตนเองแบบครบวงจรมาประยุกต์ใช้ในการทำฟาร์ม อาทิ นำผลผลิตจากสุกรมาทำเป็นก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ในการดำเนินงานภายในฟาร์ม ซึ่งสามารถลดต้นทุนการดำเนินงาน สุกรเติบโตดีให้ผลผลิตสูง ด้วยกระบวนการผลิตที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
และสำหรับเกษตรกรไทย ที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมรับรางวัลประจำปี 2553 นี้ได้แก่
1. คุณพนม พึ่งสุขแดง : เกษตรกรหนุ่มไฟแรงจากจังหวัดนนทบุรี เป็นเกษตรกรผู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการปลูกกล้วยไม้ตัดดอกส่งออก และเป็นแหล่งเพาะปลูกกล้วยไม้สกุลหวาย โดยคุณพนมเป็นประธานกลุ่มส่งเสริมการปลูกกล้วยไม้เพื่อการส่งออก และ สามารถรวบรวมเกษตรกรเพื่อจัดตั้งเป็นกลุ่ม เพื่อจัดส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ ทำให้กล้วยไม้ไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
คุณพนม ได้เปิดสวนกล้วยไม้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกกล้วยไม้สกลุหวายให้กับผู้ที่สนใจในการปลูกกล้วยไม้สกุลหวายอีกด้วย ที่สำคัญกล้วยไม้จากสวนเกษตรกรท่านนี้ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP และนี่คือหนึ่งความภาคภูมิใจสำหรับเกษตรกรไทยที่มีความสามารถ เป็นเกษตรกรที่มีจิตอาสาเพื่อสังคม และ พร้อมที่จะเผยแพร่ความรู้เพื่อให้เยาวชนและผู้ที่สนใจนำความรู้ไปสร้างรายได้ให้กับชุมชนของตนเองต่อไป
2. ผู้ใหญ่เอนก ขุนสูงเนิน: ผู้ใหญ่เอนกมีความโดดเด่นในด้านการปลูกมะขามหวาน โดยปลูกมะขามหวานจำนวน 300 ไร่ และมีสมาชิก กว่า 700 ราย ซึ่งสามารถส่งผลผลิตจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังอีกหลายประเทศ เช่น เวียดนาม กัมพูชา จีน ลาว ซึ่งจะมีตัวแทนมารับซื้อ ส่วนประเทศเวียดนามจะมารับซื้อเอง ส่วนประเทศจีนจะเริ่มมารับซื้อในปีนี้ โดยจะสั่งจองข้ามปี และปัจจุบันผู้ใหญ่เอนกยังคงต้องการเกษตรกรเครือข่ายเพิ่มเติมเพื่อขยายผลผลิตในการส่งออกมายิ่งขึ้น
ผู้ใหญ่เอนกยังได้ริเริ่มโครงการต่างๆ ให้กับเกษตรกรภายในชุมชนหลากหลายโครงการได้แก่ เป็นผู้ริเริ่มให้เกษตรกรบ้านซับประสิทธิ์ปลูกมะขามหวาน และเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาพันธุ์มะขามหวาน คือ มะขามหวานพันธุ์ “ศรีภักดี”, ประสานและริเริ่มการจัดตั้งกลุ่มอาชีพศูนย์รวมจำหน่ายมะขามหวานบ้านซับประสิทธิ์(ตลาดกลาง) ของหมู่บ้านซับประสิทธิ์, จัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปมะขามหวาน ของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะขามหวาน เพื่อเพิ่มราคาผลผลิตและความสะดวกในการจำหน่าย, รวบรวมปัญหา ข้อเสนอแนะและการแก้ไขปัญหาราคามะขามหวานตกต่ำ,แนะนำส่งเสริมการจัดทำและใช้ปุ๋ยชีวภาพ เป็นต้น
3. คุณวีรยุทธ ศรีเลอจันทร์ (อาจารย์ทอง ธรรมดา)
อาจารย์ทอง ทำการเกษตรบนพื้นที่ประมาณ 14 ไร่ โดยแบ่งเป็นการปลูกมะนาวไร้เมล็ด จำนวน 10 ไร่ มะละกอ 5 ไร่ มันสำปะหลัง 6 ไร่ และ กล้วยหอม 3 ไร่ และมีโรงปุ๋ยอินทรีย์ของศูนย์เรียนรู้อยู่ในเขตพื้นที่ใกล้เคียงกับแปลงปลูกมะนาวและมะละกอ และยังแบ่งพื้นที่ ที่เหลือจากการตั้งโรงปุ๋ยไม่ถึงไร่ เพื่อปลูกแก้วมังกร มะม่วง ขนุน ชะอม น้อยหน่า มะพร้าวน้ำหอม และส้มสายน้ำผึ้ง ที่สามารถเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งด้วย
ผลงานด้านสังคมอาจารย์ทองเป็นประธานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงวิสาหกิจชุมชนเพชรพิมาย ผู้จัดตั้งกลุ่มเรียนรู้เกษตรยั่งยืนบ้านกระเบื้องน้อย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา และกลุ่มเกษตรธรรมชาติ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ อาจารย์ทองเป็นเกษตรกรที่มีความคิดใหม่ๆ เพื่อพัฒนาการเกษตรของตนด้วยเทคนิคต่างๆ ที่คิดค้นขึ้น จนเป็นที่รู้จักของปราชญ์และเกษตรกรจากหลายที่หลายถิ่นจนทุกวันนี้ และมีสมาชิกในภาคเหนือ และภาคอื่นๆ มากกว่า 700 ราย นอกจากนั้น อาจารย์ทองยังสามารถสร้างผลผลิตรวบรวมสมาชิกส่งมะนาวออกไปยังประเทศไต้หวันด้วย
-------------------------

Thursday, October 28, 2010

ทีมบอลหญิงโชว์ฟอร์ม 6 ประตูต่อ 0


นวลพรรณ นำทีมบอลหญิงโชว์ฟอร์ม
นัดกระชับมิตรกับทีมผู้สื่อข่าวกีฬาสาย กกท. 6 ประตูต่อ 0

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในฐานะ ”ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย” สำหรับการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16 ณ เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นเจ้าภาพนำทีมฟุตบอลหญิง จัดการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษกับทีมผู้สื่อข่าวกีฬาสาย กกท. (SAT PRESS) หรือ "ปลาทอง" ผลปรากฏว่าทีมบอลหญิงโชว์ฟอร์มตามเป้าชนะทีมผู้สื่อข่าวสาย กกท. 6 ประตูต่อ 0 บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน.
------------------------------

Monday, October 25, 2010

ธอส. ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย

ธอส. มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัทั่วประเทศ


ฯพณฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้เกียรติเป็นประธานในงาน "ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจช่วยภัยน้ำท่วม"
เพื่อรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
ร่วมสมทบมอบเงินช่วยเหลือ จำนวน 500,000 บาท
(ห้าแสนบาทถ้วน) โดยนายอำนวย ศรีพูนสุข ผู้อำนวยการสำนักกรรมการผู้จัดการ เป็นผู้แทน ธอส. มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2553 ณ ห้องส่งสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ทีวี และ ธอส.ขอเชิญชวนลูกค้าและประชาชนร่วมบริจาคเงิน
ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยโอนเงินเข้าบัญชีเลขที่
067-0-06895-0 ชื่อบัญชี "กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี" ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยทำเนียบรัฐบาลและขอเชิญชวนร่วมบริจาค
เครื่องอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น ได้ที่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชั้น
2 อาคาร 1 เพื่อนำไป
ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั่วประเทศต่อไป ทั้งนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ออกมาตราการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ โดยลูกค้าที่ประสบอุทกภัยจะได้รับการยกเว้นเงินงวด 4 เดือนแรก ส่วนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 4 เดือน พร้อมให้กู้สูงสุดถึง 100% ของราคาประเมินค่าซ่อมแซม ติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร. 0-2645-9000

ฝ่ายสื่อสารองค์กร

------------------

Wednesday, October 20, 2010

ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ชาวโคราช

DFM ร่วมด้วยช่วยกัน – โครงการทำดีทุกวัน จากดีแทค และเบญจจินดา มอบน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบภัย ชาวโคราช

จากกรณี จังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะอำเภอปากช่อง ประสบปัญหาหนักที่สุด ในรอบ 50 ปี จากฝนตกต่อเนื่อง เป็นเวลานาน ทำให้น้ำป่าไหลหลาก เป็นเหตุให้บางจุดมีระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 18 ต.ค. 53 ที่ผ่านมา DFM ร่วมด้วยช่วยกัน ร่วมกับ โครงการทำดีทุกวัน จากดีแทค และบริษัทเบญจจินดา โฮลดิ้ง จำกัด ได้ร่วมกันช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้วยการนำเรือท้องแบน ลงพื้นที่แจกจ่าย อาหารกล่อง จำนวน 1,000 กล่อง พร้อมน้ำดื่ม ที่ ชุมชนศาลาลอย เขตเทศบาลนครราชสีมา, บ้านโคกไผ่ และ บ้านประโดก ต.หมื่นไวย อ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งมีระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1.2 เมตร โดยจะลงพื้นที่มอบอาหารและน้ำดื่มให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยต่อไป จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ.










------------------------------

Wednesday, October 13, 2010

เมืองไทยประกันภัย มอบความคุ้มครองอุบัติเหตุ

เมืองไทยประกันภัย มอบความคุ้มครองอุบัติเหตุนักข่าวช่างภาพกีฬา เป็นปีที่ 2

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบความคุ้มครองกรมธรรม์อุบัติเหตุส่วนบุคคล (กลุ่ม) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แก่สมาชิกสมาคมนักข่าว ช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย กว่า 269 คน ทุนประกันภัยรวมทั้งสิ้นกว่า 26 ล้านบาท เพื่อตอกย้ำการมุ่งส่งเสริมการพัฒนาด้านการกีฬาของประเทศ และขอบคุณคณะสื่อมวลชนที่ช่วยประชาสัมพันธ์ฟุตบอลหญิงของไทยอย่างต่อเนื่อง ภายในงานประชุมสามัญประจำปีของสมาคมฯ ณ ที่ทำการสมาคมฯ

Friday, October 8, 2010

ซื้อ ขาย โตโยต้า TOYOTA ราคาพิเศษ


TOYOTA VIOS
VIOS รุ่นที่ผ่านมา ทุกคนกล่าวยอมรับโดยรวมมีหลายอย่างพอสรุปได้ดังนี้
เป็นรถที่ประหยัดและคุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะด้านการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
ได้รับความนิยมสูงสุดต่อเนื่องมาโดยตลอดเวลาการจำหน่าย
มีสมรรถนะเป็นที่ยอมรับว่า ดีเยี่ยมทั้งด้านกำลังเครื่องยนต์, การทรงตัว, การควบคุมและการหยุดรถ
การบำรุงรักษาตามระยะทางที่ต่ำ คุ้มค่าต่อการใช้งาน
มีอะไรที่โดดเด่นใน “NEW VIOS”
เป็นรถคอมแพค ซีดาน ที่มีห้องโดยสารขนาดใหญ่ เทียบได้กับรถขนาดกลาง
มีสมรรถนะด้านการขับขี่ที่ลงตัว, ปลอดภัย และประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
เป็นรถที่ควบคุมง่าย ให้ความสะดวกสบาย คล่องตัวทุกขณะ การขนย้ายสัมภาระอย่างง่ายดาย

รายละเอียด
ความกว้างสบายภายในตัวรถ เทียบเท่ารถเก๋งขนาดกลาง เพราะมีปริมาตรทั้งหมดถึง 3.27 ลูกบาศก์เมตร พื้นที่วางเท้าด้านหลังเรียบเสมอพื้น ทำให้สะดวกในการวางเท้าและอื่นๆ เบาะนั่งออกแบบโอบกระชับสรีระได้เป็นอย่างดี เบาะนั่งหลังพับได้ในเกรด G ขึ้นไป และมีที่เท้าแขนตรงกลาง พร้อมที่วางแก้วน้ำให้อีกด้วย การก้าวขึ้นรถทำได้โดยง่าย เพราะประตูเปิดได้กว้าง มีการออกแบบเบาะนั่งลบมุมด้านริม จึงก้าวขึ้นนั่งไม่ค่อยติดขัดด้านท้ายรถก็สามารถเก็บสัมภาระได้มากถึง 475 ลิตร แล้วยิ่งถ้าพับเบาะหลังลงก็ไม่ต้องพูดถึงการยกสิ่งของเข้าท้ายรถทำได้ง่าย ดาย เพราะมีการออกแบบฝากระโปรงท้ายและห้องบรรทุกสัมภาระอย่างลงตัว การเคลื่อนย้ายสิ่งของไม่เมื่อยล้ายามมีน้ำหนักมาก
สมรรถนะการขับขี่ที่ลงตัวที่สุด ด้วยเครื่องยนต์ 1NZ-FE VVT-i 16 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ 1,497 ซีซี คันเร่งไฟฟ้าแบบ ETCS-i เหมือนกับรถยนต์ CAMRY ด้วยพละกำลัง 109 แรงม้า แรงบิด 141 นิวตันเมตร ซึ่งประหยัดน้ำมันสูงสุด 18.07 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพียงแค่ 11.81 วินาที ถึงแม้ว่าน้ำหนักรถจะเพิ่มมากขึ้นก็ตาม แต่สมรรถนะในการยึดเกาะก็เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากมีการออกแบบของฐานล้อที่ยาวขึ้นและกว้างขึ้น และมีการเซ็ทช่วงล่างหลังใหม่ ทำให้มีการทรงตัวที่ดีมาก วงเลี้ยวแคบสุดเพียง 4.9 เมตร สามารถกลับรถในพื้นที่แคบได้อย่างสบาย นอกจากนั้นยังได้ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานความปลอดภัยใน VIOS ใหม่ ทุกรุ่นก็คือ ABS, EBD และ BA เพราะทางโตโยต้าคำนึงถึงด้านความปลอดภัยอันดับแรก
การควบคุมรถที่ง่าย และขับขี่ที่ง่าย เพราะมิติของตัวรถลงตัวเป็นอย่างดีที่สุด การบังคับเลี้ยวก็ทำได้ดีมาก พวงมาลัยแบบเพาเวอร์ไฟฟ้า ไม่ต้องกังวลกับการบำรุงรักษา รัศมีวงเลี้ยวที่แคบเพียง 4.9 เมตร ทัศนะวิสัยในการขับขี่หรือโดยสารดีมาก เพราะมีการออกแบบอย่างลงตัวที่สุด ระยะยื่นหน้าและหลังก็ลงตัว การจัดวางอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถใช้งานอย่างไม่ยากเย็น และไม่กีดขวางขณะขับขี่อีกด้วย

สนใจซื้อรถ โตโยต้า โทร. 089-078-3775 คุณบอม
* ถ้าบอกว่า "คุณตริน แนะนำมา" จะได้รับเงื่อนไขพิเศษ

------------
TOYOTA ALTIS


BEYOND DEFINITION แรงทรงพลัง นุ่มทุกสปีด ประหยัดเต็มอัตรา
พบกับการปรับเปลี่ยนโฉมครั้งใหม่ของ Corolla Altis ปี 2553 “เหนือกว่าที่เคยล้ำหน้า มากกว่าที่เคยสมบูรณ์แบบ” สัมผัสความล้ำหน้า ที่ไม่เพียงพัฒนาเพื่อการเดินหน้าแห่งยนตรกรรม แต่เป็นการหลอมรวมการขับเคลื่อน ให้เป็นหนึ่งเดียวกับผู้ขับขี่ จากหัวใจสู่คันเร่ง จากความแรงสู่การพุ่งทะยาน ทุกสปีดนุ่มนวลทรงพลัง สู่ความประหยัดน้ำมัน ที่มอบอิสระแห่งการขับขี่ตลอดเส้นทาง

สนใจซื้อรถ โตโยต้า โทร. 089-078-3775 คุณบอม
* ถ้าบอกว่า "คุณตริน แนะนำมา" จะได้รับเงื่อนไขพิเศษ





สนใจซื้อรถ โตโยต้า โทร. 089-078-3775 คุณบอม
* ถ้าบอกว่า "คุณตริน แนะนำมา" จะได้รับเงื่อนไขพิเศษ
-----------------------------------





น้องจูนฯ ชวนเด็กไทยหยอดกระปุก


น้องจูนฯ ชวนเด็กไทยหยอดกระปุกพร้อมสนุกกับเกมออนไลน์เทลล์รันเนอร์
กับโปรโมชั่นโครงการ “ธอส. รักการออม กับ ทีโอที” ภาคพิเศษ



น้องจูน วรวงษ์ พงษ์พาณิช นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ฮีโร่เหรียญทองยูธโอลิมปิกเกมส์ 2010 ชวนเด็กไทยอายุไม่เกิน 24 ปี ฝากเงินในโครงการ “ธอส. รักการออมกับทีโอที” ภาคพิเศษ ในโอกาสธนาคารอาคารสงเคราะห์ ฉลองครบรอบ 57 ปี ด้วยโปรโมชั่นต้อนรับปิดเทอม เพียงเปิดบัญชีหรือฝากเงินขั้นต่ำ 5,000 บาท รับสิทธิ์ไอเทมครบทั้ง 4 ชิ้น สำหรับเล่นเกมส์ออนไลน์เทลส์รันเนอร์เกมสีขาวของทีโอที ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ตุลาคม ศกนี้

ฝ่ายสื่อสารองค์กร




-------------------------------

Thursday, September 30, 2010

ธอส. ร่วมออกบูธ “มหกรรมบ้านและคอนโด”

ธอส. ร่วมออกบูธให้คำปรึกษาสินเชื่อบ้านครบวงจร
พร้อมคัดทรัพย์ NPA กว่า 100 รายการ ชูเงื่อนไขดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี
ในงาน “มหกรรมบ้านและคอนโด” ครั้งที่ 23
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คัดทรัพย์ NPA คุณภาพ จำนวนกว่า 100 รายการ ชูเงื่อนไขผ่อนดาวน์ 10 % แรก ดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี พิเศษ!!! วางมัดจำซื้อทรัพย์ในงาน 50 ท่านแรกรับฟรีบัตร Home Card สิทธิ์ส่วนลดพิเศษพร้อมสะสมคะแนนในการซื้อสินค้าจากโฮมโปรทุกสาขา และร่มกันแดด UV สุดคลาสสิก พบกันได้ที่บูธ B1 B2 และ B4 ในงาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 23” ระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 3 ตุลาคม 2553 ที่โซนซี ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมออกบูธในงาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 23” โดยนำทรัพย์ NPA คุณภาพกว่า 100 รายการออกจำหน่าย จูงใจด้วยเงื่อนไขผ่อนดาวน์ 10% แรก อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี ส่วนที่เหลืออีก 90% สามารถขอสินเชื่อจากธนาคารได้เต็มจำนวน หรือหากประสงค์จะเทเงินดาวน์ 10% ส่วนที่เหลืออีก 90% สามารถขอสินเชื่อจากธนาคารด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% ในปีแรก หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยตามประกาศธนาคาร

“ทั้งนี้ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมากว่า 57 ปี ภายในบูธจะได้พบกับเจ้าหน้าที่ธนาคารที่มีความเชี่ยวชาญ ที่สามารถให้คำปรึกษาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้อย่างครบวงจร ทั้งสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อที่อยู่อาศัย สินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้าน สินเชื่อเพื่อต่อเติมซ่อมแซมบ้าน และสินเชื่อเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกฯ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายบริหารทรัพย์สินโทร. 0 – 2202 – 1582-3 หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร. 0 – 2645 – 9000 หรือสามารถเลือกชมทรัพย์ได้ที่ www.ghbhomecenter.com” นายขรรค์กล่าว

ฝ่ายสื่อสารองค์กร
----------------------------

ชิมิ ชิมิ “อร่อยชิมิ”


ชิมิ ชิมิ “อร่อยชิมิ” ครั้งแรกของเมืองไทยที่จะได้ลิ้มรสเห็ดกรอบสไตล์ญี่ปุ่น รส ต้มยำ!! ขนมเพื่อสุขภาพสำหรับคนทุกเพศทุกวัย !!
ชิมิ ชิมิ เห็ดกรอบสไตล์ญี่ปุ่น เปิดตัว ขนมคุณภาพเพื่อคนรักสุขภาพ โดยชูจุดขาย “เห็ดสุขภาพ ต้านโรค” "อร่อยเด็ดๆแบบเห็ดญี่ปุ่นสไตล์ ชิมิ...ชิมิ..." คุณกุลจักก์ พานิชพัฒน์ ผู้ริเริ่มไอเดียขนมอร่อยนี้ได้เล่าถึงว่า หลายๆคนอาจจะติดใจกับการกินขนม แต่เป็นนห่วงเรื่องน้ำหนัก และโรคต่างๆจึงเกิดกฏข้อห้ามมากมายซึ่งทำให้เหล่านักกินขนมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างต้องถอยห่างจากการกินขนม จุดข้อขัดแย้งดังกล่าวทำให้ทางคุณกุลจักก์ มองเห็นว่าน่าจะแบ่งปันความอร่อยอย่างเห็ดกรอบสไตล์ญี่ปุ่นที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกคนในครอบครัว ซึ่งทั้งอร่อยและมีคุณประโยชน์อันมากมายนี้มาแบ่งปันให้กับคนไทยทุกครัวเรือนได้รู้จักด้วยเช่นกัน !!!
การที่เลือกนำเห็ดนางรม มาเป็นตัวชูโรงและปรุงแต่งเป็นขนมนั้นก็เนื่องจาก เห็ด เป็นตัวกระตุ้นสำคัญช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดน้ำตาลในเลือด ปรับสภาพความดันโลหิต ลดการอักเสบและยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้อร้าย แถมเมื่อเติมรสชาติต้มยำก็ยิ่งทำให้เพลิดเพลินกับการกินได้มากยิ่งขึ้น จากความรู้เรื่องเห็ดว่ามีคุณประโยชน์ต่อร่างกายดังกล่าว จึงอยากให้ทั้งผู้ใหญ่และวัยรุ่น ได้เปลี่ยนความคิดว่าแท้จริงแล้ว การชื่นชอบการกินขนมไม่ใช่เรื่องน่ายกเว้นอีกต่อไป เพราะขนม อย่างชิมิ ชิมิ ทำจาก เห็ดแท้ 100% เป็นขนมของคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ทั้งอร่อยและสามารถต้านโรคได้มากมายหลายชนิดอย่างแท้จริง และถ้ายิ่งเป็นเด็กๆ ที่ทั้งหล่าคุณพ่อ คุณแม่กังวลใจว่าบุตรหลานของตนเกลียดและกลัวการกินผักด้วยแล้วนั้น รับรองได้ว่าเมื่อได้ลอง ชิมิ ชิมิ ก็จะกลายเป็นเด็กชอบกินผักไปเลยในทันที !!

“ ทั้งนี้ ชิมิ ชิมิ เห็ดกรอบสไตล์ญี่ปุ่นมั่นใจว่าจะพิชิตใจเอาชนะผู้บริโภคได้เนื่องจากมีจุดเด่น เรื่อง ขนมเพื่อสุขภาพ ที่ทานได้ทุกเพศทุกวัยแล้วนั้น ยังรับรองว่า กรรมวิธีการผลิตก็พิถีพิถัน ตรวจสอบโดยระเอียดทุกขั้นตอนการผลิต ทนุถนอมเลือกแต่เฉพาะเห็ดที่มีคุณภาพจากธรรมชาติ 100% ซึ่งคัดและสรรแต่เพียงเห็ดที่ดีที่สุดเท่านั้น “ คุณกุลจักก์ กล่าวทิ้งท้าย
ชิมิ ชิมิ “ คือ เห็ดกรอบสไตล์ญี่ปุ่น เจ้าแรก ที่จะตอกย้ำให้มั่นใจได้ว่าขนมทุกซองเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพเพื่อคนรักสุขภาพ เหมาะสำหรับเป็นขนบคบเคี้ยวในยามว่างสำหรับทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง ดังสโลแกนว่า ชิมิ ชิมิ “อร่อยชิมิ”


สำหรับแฟนๆคอขนม หรือ เด็กๆที่อยากลิ้มลอง ความอร่อยของ ชิมิ ชิมิ เห็ดกรอบสไตล์ญี่ปุ่น รส ต้มยำ สามารถหาซื้อได้แล้ว ที่ เซเว่นอีเลฟเว่น และ จิฟฟี่ (7eleven and jiffy ) ทุกสาขาทั่วประเทศ ขนาดพกพาราคาเพียงซองละ 20บาท เท่านั้น!!




ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
ชื่อ วรุตม์ ทับทิมทอง – Operation Manager, HAPP Company Co. Ltd.
โทร 081-552-9666
e-mail: info@shimishimi.com
website: www.shimishimi.com
-------------------------------


Tuesday, September 28, 2010

K-ATM ร่วมลดภาวะโลกร้อน

K-ATM ร่วมลดภาวะโลกร้อน

กสิกรไทยตอกย้ำปณิธานสีเขียว ร่วมลดภาวะโลกร้อน ปรับตู้เอทีเอ็มเกือบ 7,500 ตู้ ลดการใช้ไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศลง 61% พร้อมลดขนาดสลิปตู้เอทีเอ็มลง 30% ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนฯไม่ต่ำกว่า 6,669 ตันต่อปี และช่วยแบงก์ประหยัดได้ 70 ล้านบาทต่อปี

นายพล ธนโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และเครือข่ายการบริการและการขาย ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทย ได้กำหนดปณิธานสีเขียว ในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของธนาคารให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยล่าสุดได้เปิดตัว “โครงการ K-ATM ลดภาวะโลกร้อน” เพื่อปรับปรุงตู้เอทีเอ็มของธนาคารให้ลดการใช้กระแสไฟฟ้า และกระดาษลง เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและช่วยลดภาวะโลกร้อน

ทั้งนี้ธนาคารฯ ได้ลดการใช้กระแสไฟฟ้าของเครื่องเอทีเอ็มบางส่วนจากทั้งหมดประมาณ 7,500 เครื่อง โดยจะมีการปรับเวลาเปิด-ปิดระบบไฟฟ้าแสงสว่างของ K-Lobby 872 แห่ง และตู้เอทีเอ็มแบบตู้เดี่ยว 299 แห่ง จากเดิมที่เปิด 12 ชั่วโมงต่อวัน ลดเหลือ 4 ชั่วโมงต่อวันและลดเวลาการเปิด-ปิดระบบปรับอากาศของเครื่องเอทีเอ็มจาก 18 ชั่วโมงต่อวัน เหลือ 10 ชั่วโมงต่อวัน หรือสามารถลดการใช้ไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศลง 61%
การลดการใช้กระแสไฟฟ้านี้ ช่วยใช้ธนาคารประหยัดค่าไฟฟ้าของตู้เอทีเอ็มทั่วประเทศลงได้ประมาณ 45.14 ล้านบาทต่อปี และสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดภาวะเรือนกระจกลงได้จำนวน 6,669 ตันต่อปี

นายพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การลดไฟฟ้าแสงสว่างครั้งนี้จะไม่กระทบการใช้บริการของลูกค้า เนื่องจากเป็นการปิดไฟเครื่องที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า ซึ่งหลังห้างปิดจะไม่มีลูกค้าใช้บริการ หรือปิดไฟป้ายโฆษณาด้านข้างตู้หลังสี่ทุ่มในพื้นที่ที่มีลูกค้าใช้บริการน้อย อย่างไรก็ตามธนาคารฯ ยังคงเปิดไฟเพดานที่ให้แสงสว่างที่พอเพียงในการทำธุรกรรมของลูกค้า และมั่นใจว่าลูกค้าจะมีความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน

นอกจากนั้น ธนาคารฯ ยังได้เปลี่ยนกระดาษสลิปรายงานธุรกรรมของเครื่องเอทีเอ็มใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน รวมทั้งลดขนาดของกระดาษสลิปจากขนาด 8.0 X 11.2 เซนติเมตร เหลือ 8.0 X 8.5 เซนติเมตร ซึ่งการลดขนาดให้เล็กลงและใช้กระดาษที่ย่อยสลายได้ง่าย แต่ยังมีข้อมูลที่จำเป็นสำหรับลูกค้าที่ต้องการเก็บไว้เป็นหลักฐานทางการเงินครบถ้วน จะช่วยลดการใช้กระดาษลงได้ประมาณ 30% และลดค่ากระดาษสลิปเอทีเอ็มได้ถึง 25 ล้านบาทต่อปี

ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทย มีเครื่องเอทีเอ็มประมาณ 7,500 เครื่อง มีผู้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็มมากกว่า 50 ล้านรายการต่อเดือน ซึ่ง “โครงการ K-ATM ลดภาวะโลกร้อน” จะช่วยให้ธนาคารฯ ลดค่าใช้จ่ายรวมลงได้เกือบ 70 ล้านบาทต่อปี และที่สำคัญจะช่วยรณรงค์ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกผ่านนวัตกรรมการให้บริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าควบคู่ไปกับปณิธานสีเขียวเพื่อโลกสะอาดสดใสอย่างยั่งยืนตลอดไป


--------------------------

รายงานตลาดที่อยู่อาศัย


รายงานตลาดที่อยู่อาศัย
ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงเฉพาะฝั่งพระนคร
โดย ฝ่ายวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์

***********************

รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่ และคาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนในปี 2557 นั้น ได้สร้างโอกาสให้กับผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งรายใหญ่รายย่อย โดยเฉพาะในช่วงฝั่งพระนคร คือตั้งแต่สถานีบางซื่อ (ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT) จนถึงสถานีสะพานพระนั่งเกล้า (ก่อนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา) เนื่องจากราคาที่ดินค่อนข้างต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับที่ดินติดรถไฟฟ้าสายอื่นๆ อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากแหล่งชุมชน หน่วยงานราชการ เช่น กระทรวงสาธารณสุข และห้างสรรพสินค้า เช่น บิ๊กซีวงศ์สว่าง
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่และรายย่อยให้ความสนใจเปิดโครงการในย่านนี้ โดยโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ เช่น บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ ส่วนใหญ่เป็นโครงการระดับราคาปานกลาง ในขณะที่โครงการอาคารชุดคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่เป็นโครงการที่ราคาค่อนข้างต่ำ

ราคาประเมินที่ดินในย่านรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ฝั่งพระนคร) อยู่ในช่วงประมาณ 50,000 – 160,000 บาทต่อตารางวา ขึ้นอยู่กับถนนและระยะห่างจากถนนใหญ่ เช่น ที่ดินติดถนนกาญจนาภิเษก มีราคาประเมินราชการอยู่ที่ 50,000-80,000 บาท ในขณะที่ที่ดินติดถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มีราคาอยู่ที่ประมาณ 130,000-160,000 บาท อย่างไรก็ตาม มีผู้ประกาศขายในราคาสูงกว่านั้น โดยเฉพาะที่ดินติดถนนกรุงเทพ-นนทบุรี มีผู้ประกาศขายในราคาสูงถึง 220,000 บาทต่อตารางวา

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์สำรวจพบว่าในช่วง 3-4 ปีมานี้ มีโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งอาคารชุดคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และบ้านแฝด เปิดตัวในระยะ1 กิโลเมตรจากแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงทั้งสิ้น 18 โครงการ รวมประมาณ 6,650 หน่วย โดยมีบางโครงการที่มีที่อยู่อาศัย 2 ประเภทในโครงการเดียว เช่น มีทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ หรือมีทั้งทาวน์เฮาส์และบ้านแฝด

จากโครงการที่เปิดขายทั้งหมด 18 โครงการนั้น เป็นโครงการอาคารชุดคอนโดมิเนียม 10 โครงการ รวมทั้งสิ้นประมาณ 6,100 หน่วย มียอดขายหรือจองแล้วถึงประมาณร้อยละ 83 เป็นหน่วยที่กำลังก่อสร้างประมาณร้อยละ 52 ราคาขายของห้องชุดอยู่ในช่วงตั้งแต่ 6 แสนบาท จนถึงประมาณ 3 ล้านบาทต้นๆ หรือประมาณ 26,000 - 70,000 บาทต่อตารางเมตร โดยผู้ซื้อห้องชุดในย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ทำงานในละแวกใกล้เคียง เช่น กระทรวงสาธารณสุข มีผู้ที่ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าเพียงส่วนน้อย

จากโครงการอาคารชุดทั้งหมดนี้ เป็นโครงการจากผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ 4 โครงการ รวมประมาณ 4,700 หน่วย หรือเฉลี่ยต่อโครงการประมาณมากถึง 1,200 หน่วย มียอดขายแล้วร้อยละ 89 และมีอัตราการขายเฉลี่ยถึงประมาณ 40 หน่วยต่อโครงการต่อเดือน ในขณะที่โครงการจากผู้ประกอบการนอกตลาดมีทั้งสิ้น 6 โครงการ รวมประมาณ 1,400 หน่วย หรือเฉลี่ยโครงการละประมาณ 200 หน่วย มียอดขายแล้วร้อยละ 61 และมีอัตราการขายเพียงประมาณ 3 หน่วยต่อโครงการต่อเดือน แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ได้เปรียบอย่างมากในตลาดอาคารชุดคอนโดมิเนียมในย่านนี้

โครงการบ้านเดี่ยวมีทั้งสิ้น 5 โครงการ (มีโครงการหนึ่งที่มีทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ในโครงการเดียวกัน) รวมทั้งหมดประมาณ 400 หน่วย โดยเป็นโครงการจากผู้ประกอบการในตลาดเพียง 1 โครงการ รวมประมาณ 200 หน่วย มียอดขายแล้วร้อยละ 91 และหน่วยจากผู้ประกอบการนอกตลาด 4 โครงการ รวมประมาณ 200 หน่วย มียอดขายแล้วถึงร้อยละ 94 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการรายย่อยยังคงมีโอกาสแข่งขันในตลาดบ้านเดี่ยว เนื่องจากสามารถแข่งขันด้วยราคาที่ต่ำกว่า

โครงการทาวน์เฮาส์มี 4 โครงการ รวมทั้งสิ้นประมาณ 150 หน่วย โดยเป็นหน่วยเหลือขายประมาณครึ่งหนึ่งของหน่วยในผังโครงการทั้งหมด มีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 2.5 – 4 ล้านบาทต่อหน่วย โดยหน่วยทั้งหมดนี้เป็นโครงการจากผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งแข่งขันกันที่ราคาและความคุ้มค่าของสินค้า โครงการทาวน์เฮาส์ในย่านนี้มักจะมีการออกแบบรูปลักษณ์แบบดั้งเดิม ทั้งนี้ มีหนึ่งโครงการที่มีที่อยู่อาศัย 2 ประเภท คือ ทั้งทาวน์เฮาส์และบ้านแฝด โดยมีบ้านแฝดอยู่ประมาณ 25 หน่วย

สาเหตุที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่นิยมเปิดโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบนั้น อาจะเนื่องมาจากราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงนี้มีการปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 30 จึงทำให้เป็นโอกาสของผู้ประกอบการรายย่อยที่มีที่ดินอยู่ก่อนแล้วในการพัฒนาโครงการที่มีราคาต่ำกว่า

โดยภาพรวม โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงสายบางใหญ่-บางซื่อ ได้เพิ่มอุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัยในทำเลใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะไม่มีการเปิดตัวโครงการหรือการขายที่หวือหวามากนัก แต่โครงการที่อยู่อาศัยย่านนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่กำลังมองหาซื้อบ้านในราคาไม่แพงเกินไปนัก โดยผู้ซื้อมักคำนึงถึงราคาและความคุ้มค่าของสินค้าเป็นหลัก ผู้ประกอบการรายใหญ่มีความได้เปรียบในตลาดอาคารชุดคอนโดมิเนียม ในขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อยยังคงมีโอกาสในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยการแข่งขันด้วยราคาที่ต่ำกว่า

***********************











Monday, September 27, 2010

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ฉลองครบรอบ 57 ปี

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ฉลองครบรอบการดำเนินงาน 57 ปี

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 57 ปี วันสถาปนาธนาคาร ซึ่งตรงกับวันที่ 24 กันยายน 2553 ธนาคารจึงได้จัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 57 ปี เริ่มตั้งแต่ตักบาตรพระสงฆ์ สามเณร 58 รูป พิธีทำบุญถวายภัตตาหารเพล พร้อมด้วยพิธีมอบเครื่องราชฯ และของที่ระลึกสำหรับพนักงานที่ปฏิบัติงานครบ 20 25 30 และ 35 ปี โดยมีการแสดงจากนาฏยศาลา หุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์) ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการธนาคาร นอกจากนี้ ธนาคารยังได้จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตถวายพ่อหลวง โดยเชิญชวนลูกค้าและประชาชนร่วมบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาดไทย เพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยทั่วประเทศตามโรงพยาบาลต่างๆ

ในโอกาสวันครบการสถาปนาธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธอส. ได้ปรับปรุงรูปแบบการทำธุรกิจ (Business Model) ใหม่ ผ่านโครงการประกันชีวิตคุ้มนิรันดร์และการประกันอัคคีภัย โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจ (Strategic Partner) ในการร่วมทำธุรกิจ ซึ่งจะทำให้เกิดการเพิ่มผลประโยชน์ทั้งต่อลูกค้าธนาคารและ ธอส.

“ตาม Business Model ใหม่ของธนาคาร ธนาคารจะคัดกรองบริษัทประกันภัยที่รับงานอยู่ในปัจจุบันของธนาคาร ให้มีจำนวนที่เหมาะสม มีความแข็งแกร่งที่จะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของ ธอส. โดยพิจารณาจากความมั่นคง ฐานะทางการเงิน อ้างอิงตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องทุนจดทะเบียน อัตราส่วนทางการเงินต่างๆ รวมถึงประกาศ คปภ. ที่เกี่ยวข้อง (ปัจจุบัน คปภ.อยู่ระหว่างการพิจารณาการนำระดับเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (Risk Based Capital) มาใช้ในปลายปี 2554 ซึ่งเงินกองทุนที่ แต่ละบริษัทต้องดำรง คำนวณจากความเสี่ยงของแต่ละบริษัท) ตลอดจนการไม่ถูกถือหุ้นโดยธนาคารพาณิชย์ (ยกเว้น ธนาคารกรุงไทย ซึ่งกระทรวงการคลัง และหน่วยงานของรัฐอื่นถือหุ้นมากกว่าร้อยละ 50) ซึ่งเป็นรูปแบบการทำธุรกิจปกติในวงการที่จะมีพันธมิตรทางธุรกิจ และเมื่อได้พันธมิตรทางธุรกิจแล้ว ธนาคารจะลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ (24 ก.ย. 2553) และหลังจากนั้นจะมีการเจรจาในการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าและธนาคาร ในส่วนของการทำธุรกิจร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคต อาทิ Bancasuranceจะได้มีการตกลงในรายละเอียดก่อนทำสัญญาทางธุรกิจกันต่อไป” นายขรรค์กล่าว

ฝ่ายสื่อสารองค์กร