Monday, May 30, 2011

โครงการปั่นจักรยานเพื่อน้องปีที่ 3 จากดีแทค

เริ่มแล้ว รวมน้ำใจร่วมแรงกาย ในโครงการปั่นจักรยานเพื่อน้องปีที่ 3

โครงการทำดีทุกวันจากดีแทค สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน DFM บริษัทเบญจจินดา และชมรมนักปั่นจักรยาน

เริ่มกิจกรรมปั่นจักรยาน หาทุนซื้อจักรยานสนับสนุนการศึกษาเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล

พร้อมรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อมต่อเนื่องเป็น ปีที่ 3


กิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อน้องปีที่ 3 ในปีนี้ตั้งเจตนารมณ์ในการเก็บระยะทางการปั่น 80,000 กิโลเมตร คำนวนจากระยะทางการปั่น ซึ่งดีแทคจะบริจาคแทนนักปั่นที่ร่วมโครงการกิโลเมตรละ 10 บาท คำนวนเป็นเงินทุนสำหรับจัดซื้อจักรยานสูงสุดได้ถึง 400 คัน โดยเจตนารมณ์ของการทำกิจกรรมยังคงเน้นเรื่องการเสริมสร้างความสามัคคี เพื่อให้ทุกคนในสังคมมีโอกาสได้ร่วมกันทำความดี ปันน้ำใจ ช่วยเหลือดูแลกัน เป็นการสร้างสรรสังคมให้น่าอยู่ ส่งเสริมการทำดีด้วยใจสู่ใจเพื่อสนับสนุนเยาวชนไทยด้านการศึกษา ควบคู่กับการรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อม ให้กลายเป็นรูปแบบของการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งพิธีเปิดอย่างเป็นทางการจัดขึ้น ณ ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก โดยนายนริศ ปิยพฤทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี



นายพีระพงษ์ กลิ่นละออ ผู้อำนวยการสำนักงานสำนึกรักบ้านเกิดจากดีแทค ระบุถึงวัตถุประสงค์ว่า โครงการทำดีทุกวันจากดีแทค จัดกิจกรรมนี้เพื่อให้ผู้มีความตั้งใจที่จะทำดี ต้องการนำความสุขมอบให้กับสังคมหรือเยาวชน ให้มีกำลังใจในการสานฝันอุดมการณ์ของตน “เราตระหนักดีว่า แผ่นดินไทยในชนบทที่ห่างไกลนั้น ยังมีเยาวชนที่ขาดโอกาส ขาดผู้สนับสนุน ดังนั้น ที่โครงการทำดีทุกวันจากดีแทค บริษัทเบญจจินดาและเครือข่ายวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน ได้ร่วมจัดทำโครงการ ปั่นจักรยานเพื่อน้อง มาแล้ว ๒ ปี สามารถช่วยกันระดมทุนผ่านการปั่นจักรยานเพื่อซื้อจักรยานใหม่ให้น้องๆ ได้มากกว่า ๑,๐๐๐ คันแล้ว เป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กๆตามแนวชายแดนและเขตนอกเมือง ที่ต้องเดินเท้าเป็นระยะทางไกลไปโรงเรียน สร้างพลังใจในการศึกษาเรียนรู้ เติบใหญ่เป็นบุคลากรที่ดีของชาติในอนาคต

สำหรับในปีนี้ นอกจากความมุ่งมั่นตั้งใจในการร่วมใจกันทำความดีเพื่อสร้างอนาคตเยาวชนด้วยการศึกษา ยังเสริมเรื่องการรณรงค์ให้ความรู้ให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญและการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยระหว่างทางของการปั่นจักรยาน มีจะการประชาสัมพันธ์โครงการ Mobile Battery for Life ควบคู่ไปพร้อมกัน เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไป ที่อยู่ในเส้นทางผ่านของโครงการปั่นจักรยานได้นำเอาแบตเตอรี่มือถือเก่า หรือโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ที่เสื่อมสภาพแล้ว มาหย่อนลงในถังที่จัดทำไว้ ซึ่งโครงการทำดีทุกวันจากดีแทค จะนำมาคำนวนเป็นเงินจำนวน 10 บาทต่อหนึ่งชิ้น (หรือเท่ากับระยะทางปั่นจักรยาน 1 กิโลเมตร) สำหรับสมทบเป็นทุนในการซื้อจักรยานเพื่อน้อง ร่วมกันไปในคราวเดียว เป็นการขยายแนวทางการทำดีที่สร้างสรรค์และเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมทำดีในหลากหลายรูปแบบ

สำหรับการเปิดโครงการที่จังหวัดพิษณุโลกนี้ เส้นทางปั่นเก็บระยะทาง จะเริ่มปั่นจากอบต.หัวรอ-ผ่านเซเว่น-เลี้ยวขาวตรงสัญญาณไฟจราจร-ขึ้นถนนวัดโบสถ์-พิษณุโลก-ถึงแยกเต็งหนาม-เลี้ยวขาวไปถนนเอกาทศรถ-ผ่านหน้าสนามกีฬาจังหวัดพิษณุโลก-ผ่านหลังวัดใหญ่-ผ่านห้างสรรพสินค้าท็อปแลนด์-เลี้ยวซ้ายลอดใต้สะพานแล้วขึ้นถนนสิงหวัฒน์-ขึ้นสะพานนเรศวร-เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวังจันทร์-ผ่านศาลจังหวัด-ผ่านวิทยาลัยอาชีวศึกษา-ผ่าน ม.ราชภัฏฯวังจันทร์-เลี้ยวขาวขึ้นถนนเอกาทศรถ-ถึงสี่แยกสัญญาณไฟจราจร-เลี้ยวซ้ายเข้าถนนประชาอุทิศ-ผ่านสรรพสามิต-ตรงไปจนถึงสามแยกให้เลี้ยวซ้าย-ผ่านวัดจันทร์ตะวันตก-ขึ้นสะพานพระสุพรรณกัลยา-ผ่านวัดจันทร์ตะวันออก-ผ่านถนนเด็กเดิน(ถนนสังฆบูชา)-ถึงสัญญาณไฟจราจรเลี้ยวซ้าย-เข้าถนนบรมไตรโลกนารถ-ผ่านดีแทค-ผ่านโรงพยาบาลอินเตอร์เวชการ-ถึงหอนาฬิกา-ถึงสี่แยกสถานีตำรวจเลี้ยวขาวถึงวงเวียนรถไฟ-ผ่านหน้าสถานีรถไฟ-เลี้ยวซ้ายเลียบถนนทางรถไฟ-เลี้ยวขาวผ่านทางรถไฟ-เลี้ยวซ้ายเข้าถนนธรรมบูชา-ผ่านหน้ามัสยิด-ตรงไปถนนธรรมบูชา-ผ่านโรงเรียนพุทธชินราชพิทยา-ผ่านโรงเรียนผดุงราษฎร์-ตรงไปจนถึงแยกวัดมะขามเตี้ย-เลี้ยวซ้ายไปแยกเต็งหนาม-สัญญาณไฟจราจร-ตรงไปถนนพิษณุโลก-วัดโบสถ์ -จนถึงแยกทางเข้า อบต.หัวรอ-เลี้ยวซ้ายถึงจุดหมายปลายทาง อบต.หัวรอ

ด้านนายกฤษณ์ พรหมเชื้อ นักปั่นจักรยานทั้ง 3 ปี ได้กล่าวถึงกิจกรรมปีนี้ว่า การขี่จักรยานนอกจากจะเป็นการออกกำลังกายแล้วยังช่วยลดโลกร้อน และ หากเราทำให้การออกกำลังกาย เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่เด็กๆในพื้นที่ห่างไกลได้ยิ่งเป็นสิ่งที่ดี การทำความดีไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ และความร่วมมือร่วมใจในการทำความดีครั้งนี้เท่ากับเป็นการแสดงความเอื้ออาทรจากใจสู่ใจ สร้างสังคมแห่งความสุขร่วมกัน

กิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อน้องปีที่ 3 จะดำเนินการไปอย่างต่อเนื่องจนถึงปลายเดือนกรกฎาคม 2554 ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและร่วมทำกิจกรรม ผ่านทางสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน DFM ทั่วประเทศ



Thursday, May 26, 2011

ดัชนีราคาห้องชุด

ดัชนีราคาห้องชุด

(Condominium Price Index)

ประจำงวดครึ่งแรก ปี 2554


ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ร่วมกับสมาคมอาคารชุดไทย จัดทำ ดัชนีราคาห้องชุด รายครึ่งปี มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นตัวชี้วัดความเคลื่อนไหวของราคาห้องชุดเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ โดยเริ่มจากงวดครึ่งปีแรกปี 2553 และใช้ราคาในครึ่งหลังปี 2552 เป็นปีฐาน

นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาห้องชุดรวมทุกระดับราคา สำหรับครึ่งแรกของปี 2554 มีค่าดัชนีเท่ากับ 108.57 ปรับเพิ่มขึ้น 2.98 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งหลัง ปี 2553 และปรับตัวขึ้น 7.14 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งแรก ปี 2553

เมื่อแยกพิจารณาในแต่ละช่วงระดับราคา พบว่า

· ห้องชุดที่มีระดับราคาต่ำกว่า 50,000 บาท/ตารางเมตร มีค่าดัชนีเท่ากับ 113.14 ปรับเพิ่มขึ้น 2.97 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งหลัง ปี 2553 และปรับเพิ่มขึ้นถึง 11.67 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งแรก ปี 2553

· ห้องชุดที่มีระดับราคา 50,000 – 79,999 บาท/ตารางเมตร มีค่าดัชนีเท่ากับ 109.48 ปรับเพิ่มขึ้น 2.67 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งหลัง ปี 2553 และปรับเพิ่มขึ้น 6.06 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งแรก ปี 2553

· ห้องชุดที่มีระดับราคาตั้งแต่ 80,000 บาท/ตารางเมตรขึ้นไป มีค่าดัชนีเท่ากับ 103.46 ปรับเพิ่มขึ้น 0.14 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งหลัง ปี 2553 และปรับเพิ่มขึ้น 3.75 จุด เมื่อเทียบกับครึ่งแรก ปี 2553

ถึงแม้ราคาห้องชุดคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งแรก ปี 2554 โดยภาพรวมนั้น มีการปรับตัวขึ้นในทุกกลุ่มราคา แต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นหวือหวาดังเช่นในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ตลาดคอนโดมิเนียมเฟื่องฟูสูงสุด ประกอบกับมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2554 และความไม่แน่นอนทางการเมือง จะทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมชะลอความร้อนแรงลงในปี 2554 นี้

ห้องชุดระดับราคาต่ำกว่า 50,000 บาท/ตารางเมตร มีการปรับราคาขึ้นสูงกว่าระดับราคาอื่นๆ (ดัชนีเพิ่มขึ้น 11.67 จุด ในรอบปี) ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าราคาได้ปรับตัวสูง เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราเงินเฟ้อ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ผู้ซื้อ

ห้องชุดระดับราคา 50,000-79,999 บาท/ตารางเมตร มีการปรับราคาขึ้นในอัตราที่ใกล้เคียงกับครึ่งหลังของปีก่อน เนื่องจากตลาดราคาระดับกลางเป็นตลาดที่มีการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงมากกว่าการลงทุน จึงทำให้ราคามีการปรับขึ้นตามกลไกของตลาด

ห้องชุดราคาสูงกว่า 80,000 บาท/ตารางเมตร ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (ดัชนีเพิ่มขึ้นเพียง 0.14 จุดในรอบครึ่งปี และเพิ่มขึ้น 3.75 จุดในรอบปี) โดยตลาดห้องชุดราคาสูงมีความผันผวนค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีสัดส่วนผู้ซื้อเพื่อการลงทุนให้เช่าสูงกว่าการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และเป็นตลาดที่อ่อนไหวง่ายต่อเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง


ขอบเขตและวิธีการจัดทำดัชนี

คัดเลือกตัวอย่างโครงการอาคารชุดในเขตกรุงเทพฯ ที่อยู่ระหว่างการขาย มาจัดทำดัชนี โดยสุ่มตัวอย่างด้วยวิธีสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ทั้งหมด 100 ตัวอย่าง จาก 3 ช่วงระดับราคา ตามสัดส่วนของโครงการทั้งหมดที่มีจริงในตลาด

โดยแบ่งระดับราคาได้ดังนี้

· ระดับราคาต่ำกว่า 50,000 บาท/ตารางเมตร

· ระดับราคา 50,000 79,999 บาท/ตารางเมตร

· ระดับราคาตั้งแต่ 80,000 บาท/ตารางเมตร

หากมีโครงการอาคารชุดที่ปิดการขายไปในช่วงที่ทำการสำรวจใหม่ หรือเหลือหน่วยการขายไม่เกิน 6 หน่วย ก็จะนำโครงการใหม่ที่เปิดขายอยู่ ณ ช่วงเวลานั้น ซึ่งเป็นระดับราคาเดียวกัน ทำเลใกล้เคียงกัน เข้ามาทดแทน

1. ราคาขายนี้เป็นราคาที่ไม่รวมเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว

2. ใช้ราคาขายที่โครงการประกาศ ณ เดือนที่ 3 และ 4 ของช่วงระยะเวลาที่จัดทำข้อมูลมาคำนวณเป็นดัชนี

3. หาราคาเฉลี่ยของแต่ละโครงการโดยการนำราคาของห้องชุดตัวอย่างชั้นล่างสุด ชั้นบนสุด และชั้นกลาง มาคำนวณหาราคาเฉลี่ย (ไม่รวมพื้นที่เช่าเพื่อการค้าในโครงการ)

4. ในกรณีที่หาราคาในข้อ 4 ตามที่โครงการประกาศไม่ได้ จะใช้ราคาขายมือสองที่มีในท้องตลาดมาทดแทน

5. หาราคาเฉลี่ยของทุกโครงการ โดยนำราคาเฉลี่ยของแต่ละโครงการที่ได้ในข้อ 4 มาถ่วงน้ำหนักด้วยพื้นที่ขายของโครงการนั้นๆ

6. จัดทำดัชนีโดยให้ค่าเฉลี่ยครึ่งหลังปี 2552 เป็นปีฐาน มีค่าเท่ากับ 100

7. การปรับกลุ่มตัวอย่างจะดำเนินการทุกปีเพื่อให้มีสัดส่วนตัวอย่างของโครงการตามภาพรวมของตลาดที่แท้จริง

ข้อความจำกัดความรับผิดชอบ

ข้อมูลสถิติ ข้อเขียนใด ๆ ที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้รับมาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้หรือจากการประมวลผลที่เชื่อถือได้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้ตรวจสอบจนมั่นใจในระดับหนึ่งแล้ว แต่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องหรือความเป็นจริง และไม่อาจรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใด ๆ จากการใช้ข้อมูล ผู้นำข้อมูลไปใช้พึงใช้วิจารณญาณ และตรวจสอบตามความเหมาะสม





----------------------

เมืองไทยประกันภัย เปิดสาขาย่อย ภูเก็ต

เมืองไทยประกันภัยเปิดสาขาย่อย ภูเก็ต อย่างเป็นทางการ


---เมืองไทยประกันภัย--- : บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) จัดงานเปิดสาขาย่อย ภูเก็ต ซึ่งเป็นสาขาแห่งที่ 10 อย่างเป็นทางการ ณ สาขาย่อย จ. ภูเก็ต โดยได้รับเกียรติจากนายยุตติ ล่ำซำ รองประธานกรรมการ นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ นางสาวชูพรรณ โกวานิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ เข้าร่วมงาน พร้อมด้วยนางยุพา ล่ำซำ และตัวแทนภาคใต้ ร่วมแสดงความยินดี ทั้งนี้บริษัทฯ มีนโยบายมุ่งพัฒนาศักยภาพด้านการบริการอย่างครบวงจร และรองรับความต้องการของลูกค้าโดยขยายสาขาให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เมื่อเร็วๆ นี้