Monday, November 29, 2010

กระเป๋าช้างตาโต ภาพฝีพระหัตถ์ ฯ

พลาดไม่ได้!
กระเป๋าช้างตาโต ภาพฝีพระหัตถ์พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมพระนาม "สิรินธร" เชิญชวนคนไทยลดโลกร้อน ออกตัวไปได้สวย ยอดจำหน่ายทะลุเป้า เหลืออีกไม่มาก มีจำนวนจำกัดเพียง 50,000 ใบเท่านั้น ราคาใบละ 99 บาท เหมาะสำหรับเป็นของขวัญของฝากในช่วงเทศกาลปีใหม่ มีจำหน่ายที่เทสโก้ โลตัส ไฮเปอร์มาเก็ตและคุ้มค่าทุกสาขาพร้อมกันทั่วประเทศ โดยลูกค้าเทสโก้ โลตัสจะได้สิทธิพิเศษคือ

· รับแต้มพิเศษ 500 กรีนพอยท์ ต่อ 1 ถุง ทันที
· และได้รับแต้ม 10 กรีนพอยท์ต่อถุงเมื่อนำกลับมาใช้ใหม่
· นอกจากนี้ เทสโก้ โลตัส ยังร่วมบริจาคเงิน 10 บาท จากรายได้การขายกระเป๋า “ช้างตาโต” ทุกๆ 1 ใบ เพื่อมอบให้กับ “กองทุนพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร (กพด.)” โครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี





สื่อมวลชนสัมพันธ์เทสโก้ โลตัส
------------------------------

Friday, November 19, 2010

ธอส.ลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

“วรวิทย์” กรรมการผู้จัดการ ธอส.
ร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ณ ศาลาศิริราช 100 ปีโรงพยาบาลศิริราช

วันนี้ (18 พ.ย.2553) นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พร้อมด้วยผู้บริหาร และพนักงานธนาคาร ร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง เพื่อสถิตเป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรชาวไทยตราบเท่านาน พร้อมกันนี้ได้ทูลเกล้าฯ ถวาย พานพุ่มดอกไม้ พร้อมกันหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ ตึกศาลา ศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช ทั้งนี้เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ จึงได้นำทีมคณะผู้บริหาร และพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ มาถวายพระพรเพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีต่อพสกนิกร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์ว่าพระองค์ได้เสียสละเพื่อปวงชนชาวไทยมาโดยตลอด








ฝ่ายสื่อสารองค์กร
------------------


กสิกรไทย มอบเงิน 5 ล้านบาท ช่วยด้านการศึกษา

กสิกรไทย มอบเงิน 5 ล้านบาท ช่วยด้านการศึกษา พร้อมข้าว 30,000 ถุง

กสิกรไทย ช่วยเหลือโรงเรียนที่ประสบอุทกภัย มอบเงิน 5 ล้านบาท ร่วมกับสพฐ. ฟื้นฟูโรงเรียน 100 แห่งเพื่อเป็นกำลังใจแก่เด็ก และมอบข้าวสาร 30,000 ถุงแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย และโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนในเขตน้ำท่วม

นายประสพสุข ดำรงชิตานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่หลายภูมิภาคของประเทศไทยประสบปัญหาอุทกภัย ในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม–พฤศจิกายนที่ผ่านมา จนส่งผลให้มีโรงเรียนจำนวนมากได้รับความเสียหาย ทั้งตัวอาคาร หนังสือ อุปกรณ์การศึกษา จนหลายแห่งไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ ดังนั้นธนาคารกสิกรไทย จึงร่วมกับสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เข้าช่วยเหลือฟื้นฟูโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน จำนวน 100 โรงเรียน แบ่งเป็นโรงเรียนในเขตภาคกลาง 30 โรงเรียน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 30 โรงเรียน และภาคใต้จำนวน 40 โรงเรียน โดยจะมอบเงินช่วยเหลือโรงเรียนละ 50,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 5,000,000 บาท เพื่อนำไปซื้อ ซ่อมแซมอุปกรณ์การศึกษาเพื่อให้สามารถเปิดการสอนได้ตามปกติ
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้จัดทำข้าวสาร เค เอ็กเซลเลนซ์ (K Excellence) จำนวน 30,000 ถุง ถุงละ 1 กิโลกรัม เพื่อมอบให้กับประชาชนทั่วไปและโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัด 7 จังหวัด ประกอบด้วย อยุธยา นครสวรรค์ ลพบุรี นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา
นายประสพสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกสิกรไทยหวังว่าการช่วยเหลือจะช่วยฟื้นฟูสภาพการเรียนการสอนของโรงเรียน ให้โรงเรียนสามารถดำเนินการเรียนการสอนได้ตามปกติ และจะทำให้ความช่วยเหลือไปถึงประชาชนได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ เพราะตอนนี้ยังมีประชาชนในอีกหลายพื้นที่ที่ประสบปัญหาและได้รับความเดือดร้อนอยู่

-----------


กสิกรไทย มอบเงิน 5 ล้านบาท ช่วยฟื้นฟูโรงเรียนน้ำท่วม

นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รับมอบเงินสนับสนุนจำนวน 5 ล้านบาท จากนายประสพสุข ดำรงชิตานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เพื่อใช้ฟื้นฟูโรงเรียนในสังกัดสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน 100 โรงเรียน ที่ได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วม ณ โรงเรียนชุมชนบ้านประโดก-โคกไผ่ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อเร็ว ๆ นี้


--------------------------

Thursday, November 18, 2010

แต่งตั้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์


คณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้แต่งตั้ง
กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2553 เห็นชอบให้แต่งตั้ง นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน 2553
การศึกษา
- ปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (M.B.A) สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ Schiller International University, London,England
- ปริญญาตรี บริหารธุรกิจบัณฑิต (B.B.A) สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
- หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ด้านการค้าและการพาณิชย์ รุ่นที่ 3 สถาบันวิทยาการการค้า
- หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) รุ่นที่ 8
- หลักสูตร Director Certification Program : Class 100/2008 สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- Certificate of Thailand Government Savings Bank – Management Leadership Program Marshall School of
Business, University of Southern California
ประสบการณ์การทำงาน
- กรรมการและกรรมการบริหาร ธนาคารออมสิน
- รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส และหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (CFO)
- กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด
- กรรมการบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด
- กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
- กรรมการบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)

ฝ่ายสื่อสารองค์กร
-----------------------

Thursday, November 11, 2010

เชิญชายไทยเข้าอุปสมบทหมู่ 999 รูป

เชิญชายไทยเข้าอุปสมบทหมู่ 999 รูปทั่วไทย ถวายพ่อหลวง ฟรี ทำดีร่วมกับ สนง.ทรัพย์สินฯ, ร่วมด้วยช่วยกัน, ดีแทค และ กทม.

ขอเชิญชายไทย อายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ เข้าร่วมอุปสมบทหมู่ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงมีพระชนมายุครบ 83 พรรษาในปี 2553 นี้
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์,ร่วมด้วยช่วยกัน, กรุงเทพมหานคร และ โครงการทำดีทุกวัน จาก ดีแทค ร่วมกันจัดโครงการอุปสมบทหมู่ 999 รูป ทั่วไทย ถวายพ่อหลวง (อุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ ครั้งที่ 12)

ผู้ร่วมอุปสมบทหมู่ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด สมัครด่วน ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ ร่วมด้วยช่วยกัน ซอยรามคำแหง 21 (นวศรี) ติดกับ สน.วังทองหลาง

โครงการอุปสมบทหมู่จำนวน 999 รูป จัดขึ้นใน 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, เชียงราย, พิษณุโลก, ชัยนาท, จันทบุรี, ขอนแก่น, นครราชสีมา, อุบลราชธานี, ชุมพร และนครศรีธรรมราช
ในกรุงเทพมหานคร จัดอุปสมบทในวันที่ 26 -27 พฤศจิกายน 2553 ปฏิบัติธรรมที่ สถานปฏิบัติธรรมอรุณเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน – 9 ธันวาคม 2553 รวม 9 วัน
ผู้มีจิตศรัทธา สามารถร่วมสมทบทุนหรือร่วมเป็นเจ้าภาพตามกำลังศรัทธา ได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยโกลเด้นเพลส (ถนนประดิษฐ์มนูธรรม) ชื่อบัญชี โครงการอุปสมบทหมู่ ประเภทออมทรัพย์ เลขบัญชี 244-2-05893-8

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ ร่วมด้วยช่วยกัน โทร 087-677-7000,
081-430-9842, 02-730-2400 ต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
---------------------

Monday, November 8, 2010

ร่วมด้วยช่วยกัน จับมือพันธมิตร ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ร่วมด้วยช่วยกัน จับมือพันธมิตร ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้
(นายวิทยา แก้วภราดรัย ประธานวิปรัฐบาลมอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย DFM ร่วมด้วยช่วยกัน จ..นครศรีธรรมราช)

5 พย. 53 ร่วมด้วยช่วยกัน จับมือกับพันธมิตรเข้มแข็ง จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดภาคใต้ ที่สถานีวิทยุ DFM ร่วมด้วยช่วยกัน อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมเดินหน้าประสานให้ความช่วยเหลือพี่น้องที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม ทั้งในจังหวัดนครศรีธรรมราช และ จังหวัดใกล้เคียง ภายใต้การสนับสนุนของ โครงการทำดีทุกวัน จากดีแทค, บจก.เบญจจินดา โฮลดิ้ง, ข้าวเบญจรงค์, บมจ.ซีพี ออลล์ (เซเว่น อีเลฟเว่น), ธ.กสิกรไทย, SCG เครือซิเมนต์ไทย, ร.15 กองทัพภาค 4 , ไปรษณีย์ไทย นครศรีธรรมราช, โรงแรมทวิน โลตัส, สำนักข่าว T-News และเครือข่ายข่าวสารประชาชน
เมื่อเวลา 07.40 น. ร่วมด้วยช่วยกันให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมและแผนการช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช ในรายการเจาะข่าวเด่นประเด็นดัง ออกอากาศทาง MB Channel ต่อมาเวลา 8.00 น.ร่วมด้วยช่วยกัน ได้ไปออกอากาศสดที่ช่อง 11 นครศรีธรรมราช เรื่องการลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่าง ๆ ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม เป็นต้นมา รวมทั้งแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาคใต้ กับ องค์กรพันธมิตร
เวลาประมาณ 10.00 น. นายวิทยา แก้วภราดรัย ประธานวิปรัฐบาล ได้มามอบสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่
ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ DFM ร่วมด้วยช่วยกัน จ.นครศรีธรรมราช ในวันเดียวกัน ชมรมจักรยาน นครศรีธรรมราช ได้มามอบกระเบื้อง 200 แผ่น โดยมีคุณอภิวัฒน์ รัตนนาคินทร์ กก.ผจก.ร่วมด้วยช่วยกัน และ พันเอก พันเอก จำรัส สังขะวร รองผู้บังคับการกรมทหาราบที่ 15 กองทัพภาค 4 เป็น ผู้รับมอบ
ในวันนี้ ( 5 พย.53) ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดภาคใต้ ที่สถานีวิทยุ DFM ร่วมด้วยช่วยกัน จัดทำถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ชุด ส่งไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ ตำบลอินคีรี อำเภอพรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช รวม 6 หมู่บ้าน และ มอบให้เทศบาลตำบลปริก อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี นำไปมอบให้ประชาชนที่เดือดร้อนก่อนในเบื้องต้น




มอบชุดยังชีพที่ตำบลอินคีรี อำเภอพรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 300 ชุด


มอบชุดยังชีพที่เทศบาลตำบลปริก อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี จำนวน 500 ชุด




-------------------------



Tuesday, November 2, 2010

ธอส. เสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำแบบขั้นบันได



ธอส. เสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำแบบขั้นบันได ประเภท 6 เดือน รับดอกเบี้ยสูงสุด 3.00 % ต่อปี
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำแบบขั้นบันได (Step up) ประเภท 6 เดือนรับอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 3.00% ต่อปี เงื่อนไขฝากขั้นต่ำรายการละ 50,000 บาท รับดอกเบี้ยรายเดือนมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2553

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ประเภท 6 เดือน จากเดิม 1.25% โดยปรับขึ้นในรูปแบบผลิตภัณฑ์ เงินฝากประจำแบบ ขั้นบันไดประเภท 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 - 2 เท่ากับ 1.25% ต่อปี เดือนที่ 3 – 4 รับดอกเบี้ย 1.75% ต่อปี เดือนที่ 5 – 6 รับดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 2.00% ต่อปี) เงื่อนไขจะต้องฝากขั้นต่ำรายการละ 50,000 บาท ลูกค้าสามารถรับดอกเบี้ยรายเดือนได้ ทั้งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 ถึงวันที่30 ธันวาคม 2553

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2645-9000 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นธนาคารของรัฐ ที่มีรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังถือหุ้น 100% รับประกันความมั่นคง


ฝ่ายสื่อสารองค์กร
-----------------------------

ร่วมด้วยช่วยกัน – มูลนิธิซิเมนต์ไทย และโครงการทำดีทุกวัน จากดีแทค


ผนึกกำลัง ร่วมด้วยช่วยกัน – มูลนิธิซิเมนต์ไทย และโครงการทำดีทุกวัน จากดีแทค มอบสุขากระดาษ และคอมพิวเตอร์ บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 53 คุณพีระพงษ์ กลิ่นละออ ผู้อำนวยการสำนักงานสำนึกรักบ้านเกิด โครงการทำดีทุกวันจากดีแทค มอบเครื่องคอมพิวเตอร์มือสอง ผ่าน ร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานด้านการสื่อสารของศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ผ่านหมายเลข 1677 ให้สมาชิกสามารถติดต่อสื่อสารในการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ในวันเดียวกัน คุณสุรนุช ธงศิลา กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิซิเมนต์ไทย มอบ สุขากระดาษ พร้อมถุงดำ จำนวน 200 ชุด ให้ร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยต่อไป
ก่อนหน้านี้ ร่วมด้วยช่วยกัน ร่วมกับองค์กรพันธมิตร ได้แก่โครงการทำดีทุกวันจาก ดีแทค, บริษัท เบญจจินดา โฮลดิ้ง จำกัด, ธนาคารกสิกรไทย และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ลงพื้นที่มอบของบริจาคช่วยผู้ประสบภัย ที่ อ.เมือง, อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา, เทศบาลเมือง จ.ชัยภูมิ, อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา และอ.สรรพยา จ.ชัยนาท และได้ อาหาร – น้ำดื่ม พร้อม เครื่องอุปโภค-บริโภค ส่งถึงมือผู้ประสบความเดือดร้อนในพื้นที่
ที่มา : ฝ่าย Event & Agency ร่วมด้วยช่วยกัน
โทร. 0-2730-2400 ต่อ 51022, 081-699-9522 (เอ๋)ผู้ประสงค์บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สามารถบริจาคเงินเข้าบัญชี กองทุนร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อสาธารณประโยชน์ โดย บจ.ไอ.เอ็น.เอ็น.เรดิโอ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย ประเภท ออมทรัพย์ เลขบัญชี 013-2-87000-4.








----------------------

ประกาศผลรางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2553


ประกาศผลรางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2553 แก่ 10 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน
โครงการทำดีทุกวันจากดีแทคร่วมกับมูลนิธิสำนึกรักบ้านเกิด DFM ร่วมด้วยช่วยกัน พร้อมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนางาน CSR สู่ภูมิภาคอาเซียน เปิดเวทีมอบรางวัลเกษตรอินทรีย์ดีเด่นแก่เกษตรกรภูมิปัญญาแห่งภูมิภาค เตรียมเชื่อมโยงโครงข่ายด้านเกษตรผ่านเครือข่ายโทรคมนาคมยุคใหม่ ทั้งเกษตรกรไทยและอาเซียนสู่ตลาดโลก
“รางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด” ประจำปี 2553 นั้น ครั้งนี้นับเป็นการจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด รวมรวมภูมิปัญญาและความรู้ด้านการเกษตรตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงและเผยแพร่ให้เกษตรกรอื่นๆ ต่อไป ปีนี้เป็นปีแรก ที่ กระทรวงเกษตร ของประเทศสมาชิกอาเซียน เข้าร่วมประกวดด้วย พิธีมอบรางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 3 พฤศจิกายน 2553 เวลา 10.00-12.00 น. ณ โรงมหรสพศาลาเฉลิมกรุง
ประเทศที่ เกษตรกรอาเซียนได้รับรางวัลในปีนี้ มีทั้งสิ้น 9 ประเทศ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม บรูไน กัมพูชา สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ลาว พม่าและจากประเทศไทย อีก 9 คน“รางวัลเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด” เป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการ *1677 ทางด่วนข้อมูลการเกษตรที่เป็นนวัตกรรมด้าน CSR โดยโครงการทำดีทุกวันจากดีแทค ในการนำเทคโนโลยีการสื่อสารมาประยุกต์ใช้เพื่อกระจายความรู้ไปยังเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย ปัจจุบัน มีเกษตรกรเจ้าของรางวัลอยู่ในเครือข่ายแล้ว 123 คน และมีเกษตรกรผู้ใช้บริการ *1677 ทางด่วนข้อมูลการเกษตรอยู่กว่าสองแสนรายทั่วประเทศ.
ข้อมูลเพิ่มเติม
โดยรับทราบผลการคัดเลือกแล้ว 6 ท่าน ดังรายละเอียดผลงานดังนี้
1) นาย Mohd Shahrul Bin Daud เกษตรกรหนุ่ม จากประเทศมาเลเซีย อายุ 27 ปี เขาเริ่มต้นทำฟาร์มปศุสัตว์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยเริ่มจากการเลี้ยงวัวเนื้อเพียง 2 ตัวและได้ขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมีทั้งโคเนื้อและโคนมทั้งสิ้นกว่า 160 ตัว ทั้งยังได้ขยายกิจการไปเพาะปลูกพืชไร่และทำเกษตรผสมผสาน อย่างได้ผล ภายในพื้นที่เกือบ 10 เฮคเตอร์ เขาปลูกต้นสัปปะรด 250,000 ต้น พริกแดง 5,000 ต้น เลี้ยงโคเนื้อ 160 ตัว โคนม 20 ตัว บ่อเพาะปลาดุก บ่อดิน 4 บ่อ และบ่อปูน 2 บ่อ รวมทั้งผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ผลิตและจัดจำหน่ายโยเกิร์ต ซึ่งล้วนเป็นเกษตรอินทรีย์ปลอดสารเคมี ต้นทุนต่ำแต่ได้ผลผลิตสูง คุณภาพดี เป็นที่ต้องการของตลาด ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของบริษัท MND Agroternak Farmซึ่งนอกจากดำเนินการในฟาร์มแล้ว เขายังได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมพัฒนาชุมชนในด้านต่างๆ เช่นการทำถนนและสร้างฝายชุมชนอีกด้วย
2) นาย Bonifacio M.Corpuz ชาวนาผู้ปลูกข้าวจากประเทศฟิลิปปินส์ เกษตรกรหัวก้าวหน้าที่มีความขยันขันแข็งในการพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรมาตลอดชีวิต มีผลงานโดดเด่นในการทำนาข้าวแบบครบวงจรบนหลักการเกษตรอินทรีย์ มีการประยุกต์ใช้ผลผลิตที่ได้จากการทำนา มาทำปุ๋ยเพื่อลดต้นทุน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ป้องกันดินเสื่อมสภาพ แต่ยังคงให้ผลผลิตสูง คุณภาพดี นอกจากนี้เขายังได้คิดค้นระบบ “PalayCheck System” เพื่อบริหารจัดการนาข้าวให้ได้ประสิทธิผล สามารถปลูกข้าวได้ตลอดทั้งปี เขายังได้เข้าร่วมกลุ่มฝึกอบรมพัฒนาของทางราชการอยู่อย่างสม่ำเสมอ ทำให้การทำเกษตรของเขาก้าวหน้ามากขึ้นเป็นลำดับ ปัจจุบันนอกจากการทำนาข้าว เขาได้ขยายไปสู่การปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งพืชสวนครัวและไม้ตัดดอก ตลอดจนจัดสรรพื้นที่บางส่วนในการทำปศุสัตว์ เลี้ยงโค เป็ด ไก่ และได้นำเอาเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่มาใช้ในการช่วยเพิ่มผลผลิต ทำให้เมื่อปี 2008 ที่ผ่านมา เขาได้รับอัตราผลตอบแทนจากการทำนาข้าวสูงถึง 307% และจากการปลูกพืชไร่สูงถึง 204%
3) นาย NGUYEN VAN PHUC จากเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม เป็นเกษตรกรเจ้าของฟาร์มสุกรบนพื้นที่ 1650 ตารางเมตร โดยได้เลี้ยงสุกรเพื่อขยายพันธุ์ไว้ 120 ตัว สามารถให้ผลผลิตเป็นลูกสุกรได้มากถึง 1500 ตัวต่อปี นอกจากนี้ยังเลี้ยงสุกรเพื่อผลิตเป็นเนื้อสุกรอีก 600 ตัว ในแต่ละปีสามารถผลิตเนื้อสุกรป้อนตลาดกลางในฮานอยได้มากถึง 150 ตันต่อปี โดยเขานำหลักการทำเกษตรอินทรีย์พึ่งพาตนเองแบบครบวงจรมาประยุกต์ใช้ในการทำฟาร์ม อาทิ นำผลผลิตจากสุกรมาทำเป็นก๊าซชีวภาพเพื่อใช้ในการดำเนินงานภายในฟาร์ม ซึ่งสามารถลดต้นทุนการดำเนินงาน สุกรเติบโตดีให้ผลผลิตสูง ด้วยกระบวนการผลิตที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
และสำหรับเกษตรกรไทย ที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมรับรางวัลประจำปี 2553 นี้ได้แก่
1. คุณพนม พึ่งสุขแดง : เกษตรกรหนุ่มไฟแรงจากจังหวัดนนทบุรี เป็นเกษตรกรผู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการปลูกกล้วยไม้ตัดดอกส่งออก และเป็นแหล่งเพาะปลูกกล้วยไม้สกุลหวาย โดยคุณพนมเป็นประธานกลุ่มส่งเสริมการปลูกกล้วยไม้เพื่อการส่งออก และ สามารถรวบรวมเกษตรกรเพื่อจัดตั้งเป็นกลุ่ม เพื่อจัดส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ ทำให้กล้วยไม้ไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
คุณพนม ได้เปิดสวนกล้วยไม้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้การปลูกกล้วยไม้สกลุหวายให้กับผู้ที่สนใจในการปลูกกล้วยไม้สกุลหวายอีกด้วย ที่สำคัญกล้วยไม้จากสวนเกษตรกรท่านนี้ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP และนี่คือหนึ่งความภาคภูมิใจสำหรับเกษตรกรไทยที่มีความสามารถ เป็นเกษตรกรที่มีจิตอาสาเพื่อสังคม และ พร้อมที่จะเผยแพร่ความรู้เพื่อให้เยาวชนและผู้ที่สนใจนำความรู้ไปสร้างรายได้ให้กับชุมชนของตนเองต่อไป
2. ผู้ใหญ่เอนก ขุนสูงเนิน: ผู้ใหญ่เอนกมีความโดดเด่นในด้านการปลูกมะขามหวาน โดยปลูกมะขามหวานจำนวน 300 ไร่ และมีสมาชิก กว่า 700 ราย ซึ่งสามารถส่งผลผลิตจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังอีกหลายประเทศ เช่น เวียดนาม กัมพูชา จีน ลาว ซึ่งจะมีตัวแทนมารับซื้อ ส่วนประเทศเวียดนามจะมารับซื้อเอง ส่วนประเทศจีนจะเริ่มมารับซื้อในปีนี้ โดยจะสั่งจองข้ามปี และปัจจุบันผู้ใหญ่เอนกยังคงต้องการเกษตรกรเครือข่ายเพิ่มเติมเพื่อขยายผลผลิตในการส่งออกมายิ่งขึ้น
ผู้ใหญ่เอนกยังได้ริเริ่มโครงการต่างๆ ให้กับเกษตรกรภายในชุมชนหลากหลายโครงการได้แก่ เป็นผู้ริเริ่มให้เกษตรกรบ้านซับประสิทธิ์ปลูกมะขามหวาน และเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาพันธุ์มะขามหวาน คือ มะขามหวานพันธุ์ “ศรีภักดี”, ประสานและริเริ่มการจัดตั้งกลุ่มอาชีพศูนย์รวมจำหน่ายมะขามหวานบ้านซับประสิทธิ์(ตลาดกลาง) ของหมู่บ้านซับประสิทธิ์, จัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปมะขามหวาน ของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมะขามหวาน เพื่อเพิ่มราคาผลผลิตและความสะดวกในการจำหน่าย, รวบรวมปัญหา ข้อเสนอแนะและการแก้ไขปัญหาราคามะขามหวานตกต่ำ,แนะนำส่งเสริมการจัดทำและใช้ปุ๋ยชีวภาพ เป็นต้น
3. คุณวีรยุทธ ศรีเลอจันทร์ (อาจารย์ทอง ธรรมดา)
อาจารย์ทอง ทำการเกษตรบนพื้นที่ประมาณ 14 ไร่ โดยแบ่งเป็นการปลูกมะนาวไร้เมล็ด จำนวน 10 ไร่ มะละกอ 5 ไร่ มันสำปะหลัง 6 ไร่ และ กล้วยหอม 3 ไร่ และมีโรงปุ๋ยอินทรีย์ของศูนย์เรียนรู้อยู่ในเขตพื้นที่ใกล้เคียงกับแปลงปลูกมะนาวและมะละกอ และยังแบ่งพื้นที่ ที่เหลือจากการตั้งโรงปุ๋ยไม่ถึงไร่ เพื่อปลูกแก้วมังกร มะม่วง ขนุน ชะอม น้อยหน่า มะพร้าวน้ำหอม และส้มสายน้ำผึ้ง ที่สามารถเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งด้วย
ผลงานด้านสังคมอาจารย์ทองเป็นประธานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงวิสาหกิจชุมชนเพชรพิมาย ผู้จัดตั้งกลุ่มเรียนรู้เกษตรยั่งยืนบ้านกระเบื้องน้อย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา และกลุ่มเกษตรธรรมชาติ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ อาจารย์ทองเป็นเกษตรกรที่มีความคิดใหม่ๆ เพื่อพัฒนาการเกษตรของตนด้วยเทคนิคต่างๆ ที่คิดค้นขึ้น จนเป็นที่รู้จักของปราชญ์และเกษตรกรจากหลายที่หลายถิ่นจนทุกวันนี้ และมีสมาชิกในภาคเหนือ และภาคอื่นๆ มากกว่า 700 ราย นอกจากนั้น อาจารย์ทองยังสามารถสร้างผลผลิตรวบรวมสมาชิกส่งมะนาวออกไปยังประเทศไต้หวันด้วย
-------------------------